ผีเล่นไม่ได้เรื่อง! หลวงพี่เด-ฟูแล่มสร้างจุดเปลี่ยนพา แมนยู ฉลุยเอฟเอคัพ

ผีเล่นไม่ได้เรื่อง! หลวงพี่เด-ฟูแล่มสร้างจุดเปลี่ยนพา แมนยู ฉลุยเอฟเอคัพ
แมนฯ ยูไนเต็ด ทะลุเข้ารอบตัดเชือก เอฟเอ คัพ หลังพลิกกลับมาเอาชนะ ฟูแล่ม แบบต้องอุทานว่า...

'นี่มันเชี่ยอะไรเนี่ย ???'

เพราะความจริงที่ต้องยอมรับคือพลพรรคปีศาจแดงเล่นกันไม่ได้เรื่องเลยนะครับ 

...ว่าแล้วก็คงต้องขอบคุณพญามัจจุราชในนรกที่ทรงประทาน 'จุดเปลี่ยน' อันรุนแรงขึ้นมาให้เป็นของขวัญ

1.ก่อนอื่นไปดูการจัดทัพของ เอริค เทน ฮาก โทษฐานที่ปราศจาก กาเซมิโร่

มิดฟิลด์คู่กลางคือ สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ กับ มาร์เซล ซาบิตเซอร์

แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ก็ได้เป็นตัวจริงในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คแทน ราฟาแอล วาราน ที่หายไปไหนก็ไม่รู้

เจดอน ซานโช่ ก็ได้ลงเป็นตัวจริงในตำแหน่งกองหน้ากึ่งปีก

ผู้เล่นทั้งหมดที่กล่าวถึงล้วนมีส่วนสำคัญต่อผลการแข่งขันในเกมนี้ ซึ่งผมจะกล่าวถึงในลำดับต่อๆ ไป 

โปรดอ่านให้จบ

2. แม้จะไม่ค่อยสมประกอบสักเท่าไหร่ แต่ชื่อชั้นและชาติตระกูลของผู้เล่นพันธุ์อสูรที่ลงสนามก็ยังเหนือกว่าผู้มาเยือนอยู่ดี

แต่กุนซือของ ฟูแล่ม อย่าง มาร์โก ซิลวา วางแผนมารับมือเจ้าถิ่นได้อย่างยอดเยี่ยม เช่นเดียวกับลูกทีมของเขาที่เล่นตามแผนได้อย่างเยี่ยมยอด

อันดับแรกของบอกว่าพวกเขาไม่ได้มาตั้งรับนะครับ ขอโทษ !!!

ผู้เล่นของ ฟูแล่ม ใช้วิธีการบีบสูงพลางยืนปิดพื้นที่ในแดนกลางแน่นหนา

แมนฯ ยูไนเต็ด จึงเซ็ตเกมขึ้นมาไม่ถนัดนัก

เท่านั้นไม่พอ

เมื่อผู้เล่นเจ้าถิ่นได้บอลในแดนกลาง ผู้เล่นทีมเยือนจะพุ่งเข้าใส่ทันที

เจอกลยุทธ์แบบนี้เข้าไป เกมรุกของปีศาจแดงแทบจะเป็นอัมพาต คือมันติดๆ ขัดๆ ตะกุกตะกัก ไม่สามารถคอนโทรลเกมกดดันคู่แข่ง แถมจังหวะเข้าทำเป็นรองเสียด้วยซ้ำ

มิดฟิลด์ตัวกลาง 2 คน คุมจังหวะเกมไม่ได้ เบรคเกมรุกคู่แข่งก็ไม่อยู่

แดนหน้า 3 คน มี มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่พอจะคุกคามได้คนเดียว ขณะที่ เจดอน ซานโช่ ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน 

ส่วนหัวหอกอย่าง เวาท์ เวกฮอร์สต์ แทบไม่ต่างจากเสาไฟฟ้าที่ตั้งเอาไว้โด่เด่อยู่ในสนาม ถ้าไม่ถอยลงมาเชื่อมเกมก็ไม่มีอะไร และไม่สร้างความลำบากใจให้เกมรับคู่แข่งเลย

แต่ยังดีที่เกมรุกของ ฟูแล่ม ก็มิได้มีประสิทธิภาพมากนัก

จบครึ่งแรก ด้วยสกอร์ 0-0 แบบน่าผิดหวังในฟอร์มการเล่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยิ่งนัก

3. หลังพักให้น้ำให้ท่าแล้วพูดคุยกันในห้องแต่งตัว ผู้ชมทางบ้านอย่างผมคิดว่าครึ่งหลัง อาการของทีมปีศาจสามง่ามจะดีขึ้น ไม่เนือย ไม่หนืด และตื้อๆ ตันๆ เหมือนในครึ่งแรก

ที่ไหนได้นะครับคุณ

เปิดครึ่งหลังมา 3-4 นาที กลับถูกผู้มาเยือนบุกกดดันอยู่ข้างเดียวจนเสียลูกเตะมุมติดๆ กัน

แล้วก็โดนจนได้

ฟูแล่ม ชิงจังหวะขึ้นนำก่อน 1-0 จนได้

ถ้าเล่นดีแล้วโดนนำ ยังว่าไปอย่าง นี่เล่นไม่ค่อยดีด้วย แถมโดนนำด้วย

ทันใดใบหน้าของพวกพรี่ๆ ที่แสยะยิ้มยังมีเลศนัยก็ผุดขึ้นมาในมโนสำนึก

'ชิกหายเลี้ยว' ผมอุทานออกมาในสำเนียงแต้จิ๋ว

เพราะดูทรงแล้วคงจะพลิกสถานการณ์กลับมายาก

หลังเสียประตู อาการของ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่จน เอริค เทน ฮาก ต้องเปลี่ยนตัว เพื่อแก้ไขสถานการณ์

ตัวรับอย่าง สก๊อตต์ แม็คโทมิเนย์ ถูกถอดออก เพื่อส่งตัวรุกอย่าง อันโตนี่ ลงมาแทน

บรูโน่ แฟร์นันด์ส ถูกขยับลงมาเป็นมิดฟิลด์ตัวกลางพลางถอย เวาท์ เวกฮอร์สต์ ลงมาเป็นหน้าต่ำ โดยขยับเอา มาร์คัส แรชฟอร์ด ขึ้นไปเป็นหน้าเป้า

เจดอน ซานโช่ ซ้าย อันโตนี่ ขวา

ก่อนที่ 'จุดเปลี่ยน' จะเดินทางมาถึง

4.ว่าด้วยเรื่องของจุดเปลี่ยน

จุดเปลี่ยนสำคัญอันดับแรกคือการพุ่งปัดลูกโขกจาก 

อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ของ ดาบิด เด เคอา

นี่คือโคตรพ่อโคตรแม่ซูเปอร์เซฟ เพราะหากพี่เดฟไม่เซฟ ฟูแล่ม จะทิ้งห่างเป็น 2-0 และปีศาจแดงจะนั่งเบียดกับความเดธห่า

ดาบิด เด เคอา ช่วยให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังอยู่ในเกม

จุดเปลี่ยนถัดไปคือการลงมาของนักเตะผู้มีสมญา 

'เดอะหมุน' ที่ช่วยให้เกมรุกฝั่งขวามีชีวิตชีวามากขึ้น ก่อนจะเป็นคนจ่ายบอลในจังหวะโต้กลับให้ เจดอน 

ซานโช่ หลุดไปสร้างจุดเปลี่ยนสำคัญที่หนักหน่วงและรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ลูกหนัง

เมื่อนักเตะตัวเก๋าของทีมเยือนอย่าง วิลเลี่ยน ลืมตัวแล้วเจตนาทำแฮนด์บอลขัดขวางลูกที่กำลังจะข้ามเส้นประตู โดยอาจลืมไปว่าเดี๋ยวนี้มี VAR มาช่วยผดุงความยุติธรรม

แน่นอนว่าหลังจากดู VAR ผู้ตัดสินย่อมให้จุดโทษต่อ แมนฯ ยูไนเต็ด และชูใบแดงไล่ วิลเลี่ยน ออกจากสนาม เนื่องจากมันคมชัดบรรลัยว่าอะไรเกิดขึ้น

แต่ก่อนหน้านั้น มาร์โก ซิลวา ผู้จัดการทีมถูกใบแดงไล่ออก เพราะโวยวายใส่ท่านตุลาการสนามแบบแทบจะขบหัว

ตามมาด้วยใบแดงของ อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช ที่ดันเอาท่อนแขนไปกระแทกใส่ผู้ตัดสิน...ซะอย่างนั้น

ภายในเวลาห่างกันแค่ 2-3 นาที ใบแดงกระเด็นออกจากกระเป๋ากางเกงผู้ตัดสินถึง 3 ครั้ง ฟูแล่ม เสียจุดโทษ และเหลือผู้เล่นแค่ 9 คน โดยไม่มีผู้จัดการทีมอยู่ในสนาม

แบบนี้ก็ 'หวานเจี๊ยบ' สิครับ !!!

5. พลันที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส สังหารจุดโทษให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ตีเสมอเป็น 1-1 ทุกอย่างก็จบ

เพราะอย่างไร ผู้เล่นแค่ 9 คนของทีมเล็กๆ อย่าง ฟูแล่ม  คงต้านทานผู้เล่น 11 คนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่อยู่แน่ๆ

ว่าไปมันก็น่าคิดเหมือนกันนะครับว่าถ้า วิลเลี่ยน ไม่ลืมตัวทำแฮนด์บอลโดยเจตนา เต็มที่ก็แค่ถูกตีเสมอเป็น 1-1 ในเกมที่ทีมตัวเองไม่ได้เป็นรอง แล้วผลการแข่งขันสุดท้ายจะออกมาในรูปใด

เพราะความจริงที่ต้องยอมรับคือก่อนเกิดเหตุการณ์คลาสสิกสยองขวัญ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำตัวได้น่าผิดหวังจริงๆ

สุดท้าย ฟูแล่ม คงต้องโทษตัวเองนั่นแหละครับที่ดันทำตบะแตกแบบแหลกสลายจนทุกอย่างพังทลายในพริบตา

หัวหน้าเผ่าอย่างผู้จัดการทีมคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ทั้งที่จุดโทษมันก็ชัดเจนไม่รู้จะชัดเจนอย่างไร

วิลเลี่ยน ก็เก๋าซะเปล่า ดันมาพลาดมหันต์ที่ยกแขนตัวเองขึ้นมาสกัดบอลในจังหวะนั้น ถ้าเขาปล่อยให้มันเข้าประตูไปซะ  เหตุการณ์มันอาจไม่เลวร้ายซะมากมายขนาดนี้...ก็..เป็น..ได้

ส่วนหัวหอกชาวเซิร์บที่อุตส่าห์ทำประตูได้ต้องใช้คำว่า...สิ้นคิด

หากใจเย็นกว่านี้ อย่างน้อยก็แค่เสียจุดโทษ และอาจถูกตีเสมอ โดยที่ทีมตัวเองมีผู้เล่น 10 คน ไม่ใช่ 9 คน

แทนที่จะโทษผู้ตัดสิน โทษ VAR หรือโทษลม โทษฟ้า มึงโทษตัวเองดีกว่าครับ !!!

บอ.บู๋


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : บอ.บู๋
บูรณิจฉ์ รัตนวิเชียร
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport