ในที่สุด แมนฯ ยูไนเต็ด ยังรักษาความหวังของการเหมาคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยสามรายการในซีซั่นนี้ได้ต่อไปเมื่อเปิดบ้านพลิกสถานการณ์เอาชนะ ฟูแล่ม ไปได้ด้วยสกอร์ 3-1 จากการฟาดแข้งศึก เอฟเอคัพ รอบแปดทีมเมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 มี.ค.
แต่ก่อนที่จะได้เฮฮา และผ่านเข้ารอบไปซดกับ ไบรท์ตัน ในรอบรองชนะเลิศ ต้องบอกว่า ผีแดง หวิดร่วงตกรอบคารังเหมือนกันเนื่องจาก เจ้าสัวน้อย เล่นกันได้อย่างอันตราย แถมบุกมานำไปก่อนด้วย แต่กลายเป็นว่า อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช กองหน้าที่ยิงให้ทีมเยือนนำหน้ากลับเป็นคนที่ยื่นดาบให้ทีมเจ้าบ้านฟื้นคืนชีพซะอย่างนั้น
1. ผีแดง ปรับทัพสี่ตำแหน่ง
แมนฯ ยูไนเต็ด ของกุนซือ เอริค เทน ฮาก ปรับโผ 11 คนแรกสี่ตำแหน่งจากเกมบุกไปสยบ เรอัล เบติส 1-0 ในศึก ยูโรปาลีก รอบ 16 ทีมนัดสองเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
แน่นนว่า กาเซมีโร่ มิดฟิลด์ทีมชาติ บราซิล ติดโทษแบนลงบู๊ไม่ได้ทำให้ มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ได้เสียบแทน ส่วนอีกสามรายที่ได้ออกสตาร์ตเกมนี้เช่นเดียวกับสตาร์ทีมชาติ ออสเตรีย คือ ลุค ชอว์ , เจดอน ซานโช่ และ สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ โดยที่ เฟร็ด , ไทเรลล์ มาลาเซีย และ ฟากุนโด้ เปยิสตรี้ หล่นไปนั่งเป็นตัวสำรอง
พร้อมกันนี้ แจ็ค บัตแลนด์ นายทวารมือสามมีชื่อนั่งข้างสนามเป็นเกมแรกแทนที่ ทอม ฮีตัน ด้วย ขณะที่ ราฟาแอล วาราน ไม่มีส่วนร่วมเนื่องจากบาดเจ็บเล็กน้อย
2. เจ้าสัวน้อย ปรับโผสามจุด
ด้าน ฟูแล่ม ของกุนซือ มาร์โก ซิลวา เปลี่ยนโผตัวจริงเกมนี้สามรายหลังจากนัดก่อนในเกม พรีเมียร์ลีก พวกเขาแพ้คารังต่อ อาร์เซน่อล ยับเยิน 3-0
สามรายที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงประกอบไปด้วย อิสซ่า ดิย็อป , ชูเอา ปาลินญ่า ที่พ้นโทษแบนแล้ว และ วิลเลี่ยน โดยที่ โทซิน อดาราบิโอโย่ , ซาซ่า ลูคิช และ มาเนอร์ โซโลมอน มีชื่อนั่งอยู่ในซุ้ม
3. ครึ่งแรกเจ้าบ้านอาการน่าเป็นห่วง
ขึ้นชื่อว่าฟุตบอล เอฟเอคัพ มันเหมือนเป็นแรงกระตุ้นสำหรับนักเตะโดยเฉพาะทีมเล็กที่พร้อมสร้างตำนาน แจ็คผู้ฆ่ายักษ์ เนื่องจากฟุตบอลนัดเดียวอะไรๆก็เกิดขึ้นได้
ว่าแล้ว ฟูแล่ม ก็บุกมาต่อกรกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ไม่เป็นรองเลยตลอด 45 นาทีแรกที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งต่างก็มีโอกาสยิงประตูไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน และทำให้ผลการแข่งขันสามารถออกได้ทุกหน้าก่อนที่เกมจะจบลงไปแบบไร้สกอร์
สำหรับ ผีแดง แน่นอนว่าการปราศจาก กาเซมีโร่ ส่งผลให้แดนกลางของทีมแลดูหลวมไปพอสมควรซึ่งเปิดโอกาสให้ เจ้าสัวน้อย ได้บุกขึ้นไปสร้างความหวาดเสียวได้หลายหน แต่ย้งดีที่แผงหลังเจ้าถิ่นช่วยกันประคับประคองสถานการณ์ได้อยู่หมัด แต่แน่นอนว่านับเป็นครึ่งแรกที่ไม่สู้น่าประทับใจเอาซะเลยสำหรับมาตรฐานของ อสูรร้าย ในยุคของ เทน ฮาก ซึ่งเก็บครองบอลได้แย่กว่าอาคันตุกะด้วยซ้ำจากสัดส่วน 47:53% และได้ยิงประตูน้อยกว่าด้วยจากโอกาส 4:5 ครั้ง แต่เข้ากรอบมากกว่า 3:1 ครั้ง
จากสถิติที่ว่านี้ ทำให้ ผีแดง ไม่อาจคลำเป้าได้เลยในเกมครึ่งแรกของถ้วย เอฟเอคัพ ซีซั่นนี้สามจากสี่นัดเข้าไปแล้ว และมีแค่ เชฟฯ ยูไนเต็ด กับ ฟลีตวู้ด ทาวน์ สองทีมเท่านั้นที่มีสถิติย่ำแย่กว่า (4นัด)
4. มิโตรวิช เสียค่าโง่
กลับมาบู๊กันต่อในครึ่งหลัง ฟูแล่ม ยังเล่นได้อย่างน่าเกรงขามเช่นเดิม และทำเอา ดาบิด เด เคอา ต้องออกแรงซูเปอร์เซฟสองครั้งติด แต่ก็ไม่วายเสียประตูให้ มิโตรวิช จนได้
ถึงตรงนี้ เจ้าสัวน้อย มีโอกาสพลิกล็อคผ่านเข้ารอบสูงไม่น้อยเนื่องจากเจ้าบ้านยังเล่นกันได้อย่างไม่ลงตัว แต่หลังจาก เทน ฮาก แก้เกมด้วยการเปลี่ยน แม็คโทมิเนย์ ออกให้ อันโตนี่ ที่หายป่วยแล้วลงไปลากเลื้อยทางด้านขวา สถานการณ์ของ เร้ด เดวิลส์ ก็เริ่มมีความหวังจนในที่สุดปีกแซมบ้าก็ผ่านบอลในจังหวะโต้กลับให้ เจดอน ซานโช่ หลุดไปเข่นแล้วโดน วิลเลี่ยน ใช้แขนสกัดบอลออกจากเส้นประตู
ด้วยเหตุนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด จึงได้ลูกโทษ แถมมิดฟิลด์หัวกระเซิงหนีไม่พ้นได้ใบแดงด้วย แต่ก็ทำเอากุนซือทีมเยือนอดไม่ได้ที่ต้องประท้วงเนื่องจากเขามองว่า ฟูแล่ม น่าจะได้ลูกโทษเช่นกันในครึ่งแรก แถมไม่เท่านั้นซะด้วยเนื่องจาก มิโตรวิช ระเบิดอารมณ์เดินเข้าไปกระแทกผู้ตัดสิน เลยได้ใบแดงตาม วิลเลี่ยน และ ซิลวา ตามระเบียบ
ฉะนั้นแล้ว การกระทำของกองหน้า ฟูแล่ม จึงเป็นเรื่องเสียค่าโง่อย่างยิ่งเพราะแม้ ฟูแล่ม จะเสียลูกโทษ แต่ยังไม่แน่ว่า บรูโน่ แฟร์นันด์ส จะยิงเข้าหรือเปล่า แต่หลังจากเขาโดนตะเพิดอีกรายก็ทำให้ เจ้าสัวน้อย เหลือนักเตะแค่เก้าคนทันที และส่งผลให้ทีมเยือนโดนยิงแซง 2-1 จากประตูแรกของ ซาบิตเซอร์ ที่คลำเป้าได้ในสีเสื้อของ เร้ด เดวิลส์ อีกทั้งต้องไม่ลืมว่า มิโตรวิช จะโดนแบนซึ่งส่งผลร้ายต่อทีมของเขาในช่วงโค้งสุดท้ายของซีซั่นไปโดยปริยายโดยจากสถานการณ์นาทีที่ วิลเลี่ยน ได้ใบแดงขณะที่ทีมเยือนนำอยู่ 1-0 แล้วมาโดน ผีแดง แซงนำ 2-1 มันกินเวลาเพียง 265 วินาทีเท่านั้น
แม้จะมีสถิติที่ด้อยกว่าในครึ่งแรก แต่หลังจบ 90 นาที ผีแดง พลิกมาเหนือกว่าทุกกระบวนท่าด้วยกำลังพลที่มากกว่าทั้งการครองบอล 56:44% จังหวะส่องยิง 16:12 ครั้ง และการส่งบอลเข้ากรอบ 10:6 ครั้ง
รวมแล้ว ฟูแล่ม จึงไม่อาจกำชัยเหนือ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ต่อไปจากการเผชิญหน้ากัน 16 นัดหลังในทุกรายการ และหากจะนับเกมที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด 26 นัดหลัง ผีแดง สอยตาข่าย เจ้าสัวน้อย เพิ่มเป็น 66 ประตูเข้าไปแล้ว
5. คิวเตะรอบตัดเชือกลงตัว (แม็กไกวร์ วืด)
หลังจบเกมรอบแปดทีมคู่สุดท้ายซึ่ง แมนฯ ยูไนเต็ด สยบ ฟูแล่ม ได้สำเร็จ คิวเตะสองนัดในรอบตัดเชือกก็สามารถจัดวางได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นั่นคือ ผีแดง จะได้บู๊กับ นกนางนวล ในวันอาทิตย์ที่ 23 เม.ย.เนื่องจากพวกเขาพวกเขามีภารกิจต้องดวลกับ เซบีย่า ในถ้วย ยูโรปาลีก รอบแปดทีมในวันพฤหัสบดี ขณะที่ แมนฯ ซิตี้ จะฟัดกับ เชฟฯ ยูไนเต็ด ในวันเสาร์ที่ 22 เม.ย.
อย่างไรก็ดี เกมในรอบหน้ากับ ไบรท์ตัน แฮร์รี่ แม็กไกวร์ จะลงเล่นไม่ได้เนื่องจากได้ใบเหลืองเพิ่มจากนัดชนะ ฟูแล่ม ในจังหวะทำฟาวล์ใส่ มิโตรวิช ช่วงกลางครึ่งแรก และต้องติดโทษแบนหนึ่งเกม