เรียกได้ว่ายังไม่ฟื้นไข้ สำหรับ เชลซี หลังจากล่าสุดพวกเขาออกไปแพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-4 ในเกม เอฟเอ คัพ รอบ 3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 8 มกราคม ที่ผ่านมา ชนิดที่ว่ารูปเกมแทบจะสู้อีกฝ่ายไม่ได้เลย
นอกจากจะทำให้พวกเขาพ่าย แมนฯ ซิตี้ 2 เกมติดต่อกันแล้วนั้น นี่ยังทำให้ เชลซี แพ้ไปถึง 6 เกมจากการลงเล่น 8 นัดหลังสุดของทุกรายการด้วย ซึ่งหลายอย่างที่เกิดขึ้นในเกมนี้ก็ทำให้เกิดเกร็ดที่ย่ำแย่เกี่ยวกับพวกเขาตามมาเช่นกัน
- อาการหนักตั้งแต่ครึ่งแรก
อย่างที่รู้กันดีว่าเกมนี้ เชลซี แทบจะโดนปิดประตูชนะตั้งแต่ตอนจบครึ่งแรก เพราะพวกเขาตามหลัง แมนฯ ซิตี้ ไปแล้วถึง 0-3 ภายหลังเจ้าถิ่นได้ประตูจาก ริยาด มาห์เรซ ในนาทีที่ 23, ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ในนาทีที่ 30 และ ฟิล โฟเด้น ในนาทีที่ 38
แม้ว่า แกรม พ็อตเตอร์ จะเพิ่งเข้ามารับงานกับ เชลซี เมื่อช่วงต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่นี่ก็เท่ากับว่ามันเป็นเกมที่ 2 แล้วที่ เชลซี ในยุคของเขาตกเป็นฝ่ายตามหลังคู่ต่อสู้ถึง 3 ลูกตั้งแต่ก่อนลงเล่นครึ่งหลัง โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในเกมลีกที่ เชลซี แพ้ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ทีมเก่าของ พ็อตเตอร์ เอง เมื่อช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งสุดท้ายเกมนั้น เชลซี แพ้ไป 1-4
ในทางตรงกันข้าม ตลอดช่วง 100 นัดที่ เชลซี อยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของ โธมัส ทูเคิ่ล นั้น มันไม่เคยมีนัดไหนเลยที่พวกเขาตามหลังคู่แข่งถึง 3 ลูกตอนจบครึ่งแรก
- เกมรุกที่ไร้ประสิทธิภาพ
ก่อนลงเล่นเกมนี้มันเป็นที่รู้กันดีว่า เชลซี กำลังเจอปัญหาอย่างหนักกับการเล่นเกมรุก เพราะพวกเขามีผลงานเกมรุกหลายด้านที่แย่เป็นลำดับต้นๆ ของ พรีเมียร์ลีก นับตั้งแต่ที่ พ็อตเตอร์ เข้ามากุมบังเหียน อย่างเช่นจังหวะยิงต่อเกมที่ 10.8 ครั้งต่อนัด ซึ่งอยู่ในอันดับ 16 ของลีก
น่าเสียดายที่เกมนี้ พ็อตเตอร์ ก็ยังแก้ปัญหานั้นไม่ได้ โดยในครึ่งแรก เชลซี ไม่มีจังหวะลุ้นประตูแม้แต่ครั้งเดียว แถมตอนจบ 90 นาทีนั้น สถิติเรื่องประตูที่ควรจะทำได้ (หมายถึงการยิงในจังหวะที่มีโอกาสเป็นประตูสูง) ก็อยู่ที่ 0.09 เท่านั้น ตรงกันข้ามกับ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งอยู่ที่ 2.82 และนี่ก็นับเป็นเกมที่ เชลซี มีผลงานด้านประตูที่ควรจะทำได้น้อยที่สุดในรอบ 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา หากนับรวมกับการเล่นในทุกรายการเลยทีเดียว
- แพ้ทาง แมนฯ ซิตี้ ไม่เลิก
ย้อนกลับไปในนัดชิงชนะเลิศของ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2020-21 เชลซี สร้างความชอกช้ำให้กับ แมนฯ ซิตี้ ด้วยการชนะอีกฝ่าย 1-0 อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่จบค่ำคืนนั้นที่เมืองปอร์โต้ เชลซี ก็แพ้ให้กับ แมนฯ ซิตี้ ครบทั้ง 5 นัดจากทุกรายการ แถมยังเสียไปถึง 9 ประตู โดยที่เจาะตาข่าย "เรือใบสีฟ้า" ไม่ได้แม้แต่ลูกเดียวอีกต่างหาก
- ตกรอบแบบไก่โห่
ตลอดช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา เชลซี มักจะมีผลงานที่ดีในศึก เอฟเอ คัพ ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็ 3 ฤดูกาลก่อนหน้านี้ที่พวกเขาไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้ทั้งหมด ก่อนที่จะไปแพ้ในบั้นปลายจนเป็นเพียงรองแชมป์ 3 สมัยติดต่อกัน
อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาลนี้พวกเขาต้องจอดป้ายเพียงแค่รอบ 3 และในช่วง 25 ปีหลังสุดนั้น นี่ก็ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่พวกเขาต้องตกรอบ เอฟเอ คัพ ตั้งแต่รอบ 3 โดยหนแรกเกิดขึ้นเมื่อซีซั่น 1997-98 และมันก็เหมือนตลกร้ายที่ครั้งนั้นพวกเขาโดนเขี่ยตกรอบด้วยฝีมือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีก 1 ทีมจากเมืองแมนเชสเตอร์ จากการที่ เชลซี แพ้ไป 3-5
นอกจากนี้ นี่ก็นับเป็นครั้งแรกตั้งแต่ฤดูกาล 1988-89 ที่ เชลซี ตกรอบทั้งใน เอฟเอ คัพ และ ลีก คัพ (คาราบาว คัพ ในปัจจุบัน) แบบรวดเร็วด้วย เพราะใน คาราบาว คัพ ของฤดูกาลนี้พวกเขาก็แพ้ให้ แมนฯ ซิตี้ ในการแข่งรอบ 3 ไปแล้ว 0-2 เมื่อช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
สำหรับตอนฤดูกาล 1988-89 นั้น เชลซี ยังเล่นอยู่ในระดับ ดิวิชั่น 2 (เทียบเท่ากับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ในปัจจุบัน) อยู่เลย โดยครั้งนั้นพวกเขาจอดป้ายแต่รอบ 3 ใน เอฟเอ คัพ ส่วนใน ลีก คัพ ตกรอบไปตั้งแต่รอบ 2 แต่สุดท้าย เชลซี ก็ได้แชมป์ ดิวิชั่น 2 ในฤดูกาลดังกล่าว ส่วนรองแชมป์ลีกในตอนนั้นน่ะเหรอ ? แมนฯ ซิตี้ นั่นเอง
- เด็กเกร็ดบอล -