แมนยู ทิ้งโอกาสกำชัยเหนือ เรอัล โซเซียดาด ในเกมแรกของรอบ 16 ทีมถ้วย ยูโรปา ลีก ไปอย่างน่าเสียดายในการฟาดแข้งที่ เรอาเล่ อาเรน่า เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 มี.ค.โดย โจชัว เซิร์กซี่ ซัดให้ ผีแดง นำหน้าก่อน แต่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส โดนวีเออาร์จับว่าทำแฮนด์บอลในเขตโทษ และเป็น มิเกล โอยาซาบาล ที่สังหารไม่พลาดตีเสมอให้เจ้าบ้านรอดตายคารังด้วยสกอร์ 1-1 ก่อนที่ทั้งคู่ต้องไปตัดสินกันนัดหน้าที่ โอลด์ แทรฟฟอร์ด
1. เจ้าบ้านขาด ซูบิเมนดี้
เรอัล โซเซียดาด ประสบปัญหาขาด มาร์ติน ซูบิเมนดี้ กองกลางทีมชาติ สเปน คนสำคัญเนื่องจากมีอาการป่วย และไม่มืชื่อนั่งข้างสนามด้วย
อย่างไรก็ดี เจ้าบ้านส่ง มิเกล โอยาร์ซาบาล กองหน้าตัวกลั่นดาวซัลโวสูงสุดของทีมในซีซั่นนี้ 9 ประตูกลับมาลงบู๊เป็นตัวจริงหลังนั่งอยู่ในซุ้มโดยไม่ถูกเปลี่ยนลงเล่นเกมลีกนัดออกไปแพ้ บาร์เซโลน่า 4-0
พร้อมกันนี้ ทาเคฟุสะ คุโบะ ดาวเตะซามูไรคีย์แมนอีกรายได้ออกสตาร์ตเช่นกันหลังไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในเกม ลา ลีกา นัดล่าสุด
สำหรับเกมนี้ อิมาโนล อัลกูอาซิล กุนซือเจ้าบ้านสร้างสถิติเป็นโค้ช เรอัล โซเซียดาด ที่คุมทีมอย่างยาวนานที่สุดเป็นอันดับสามของสโมสร 325 นัดรองจาก เบนิโต้ ดิอาซ 383 นัด และ จอห์น โทแช็ค 386 นัด
2. การ์นาโช่-ดอร์กู คืนโผตัวจริง
แมนฯ ยูไนเต็ด ของกุนซือ รูเบน อโมริม เลือกส่ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ลงเล่นเป็นตัวจริงเช่นเดียวกับ แพทริค ดอร์กู ที่ติดโทษแบนเฉพาะเกมฟุตบอลในประเทศ
นอกจากนี้ กาเซมีโร่ เป็นอีกรายที่ได้ออกสตาร์ตโดย ผีแดง ปรับทัพรวมสามตำแหน่งจากเกม เอฟเอ คัพ รอบห้านัดแพ้ดวลลูกโทษต่อ ฟูแล่ม คาบ้านเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
สำหรับ มานูเอล อูการ์เต้ กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ไม่มีส่วนร่วมในเกมนี้เนื่องจากบาดเจ็บ ขณะที่ คริสเตียน เอริคเซ่น หล่นมารับบทตัวสำรอง
3. เอาไงดีกับ ฮอยลุนด์
หลังปล่อย มาร์คัส แรชฟอร์ด ให้ แอสตัน วิลล่า ยืมตัว รวมถึง อันโตนี่ อีกราย อโมริม จึงเหมือนมัดมือตัวเองที่ต้องเลือกส่ง ราสมุส ฮอยลุนด์ ลงสนามเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องทั้งๆที่กองหน้าทีมชาติ เดนมาร์ค ออกทะเลแบบกู่ไม่กลับแล้ว
หลังเกมเสมอกับ เรอัล โซเซียดาด 1-1 นับเป็นเกมที่ 19 ติดต่อกันในทุกรายการแล้วที่สตาร์ชาวเมืองโคนมเช็กบิลให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เลย แถมฟอร์มการเล่นในแต่ละนัดก็ดูไม่จืด และยิ่ง โจชัว เซิร์กซี่ คลำเป้าได้ในเกมนี้ก็ยิ่งทำให้หัวหอกผมทองกดดันหนักขึ้นไปอีกซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะทำให้เจ้าตัวลำบากมากขึ้นในการพยายามเรียกฟอร์มกลับคืนมา
และที่สำคัญ สถิติเผยว่าแม้นัดนี้ ผีแดง จะมีโอกาสส่องยิงทั้งหมด 13 ครั้ง และบอลเข้ากรอบ 5 ครั้ง แต่ ฮอยลุนด์ ไม่ได้ง้างยิงเลยแม้แต่ครั้งเดียว แถมเจ้าตัวลากบอลหนีฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เลยแม้แต่หนเดียวเช่นกันซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขากำลังตกอับอย่างหนักกับทีม ปีศาจแดง
4. เซิร์กซี่ เริ่มฉายแวว
ก่อนหน้านี้ในเกมแพ้ ฟูแล่ม ตกรอบห้าถ้วย เอฟเอ คัพ ด้วยการดวลลูกโทษตัดสิน โจชัว เซิร์กซี่ ที่เคยโดนกองเชียร์ เร้ด อาร์มี่ รุมตำหนิถึงสไตล์การเล่นที่เหยาะแหยะแสดงให้เห็นว่าเริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากการโชว์ความขยันขันแข็งในสนาม และสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจผิดหูผิดตา
แน่นอนว่าดาวยิงดัตช์ซัดลูกโทษพลาดจนทำให้ทีมร่วงตกรอบ แต่การดวลความแม่นเป้าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถตำหนิกันได้ และที่สำคัญอดีตหัวหอกทีม โบโลญญ่า ต่อกรกับ เจ้าส้วน้อย ได้อย่างน่าดูชมผิดไปจากหลายเกมก่อนหน้านี้ที่เขาแทบไม่แสดงให้เห็นถึงความพยายาม และทุ่มเทในสนามเลย
กระทั่งนัดบุกมาเยือน เรอัล โซเซียดาด เซิร์กซี่ จับพลัดจับผลูยิงประตูให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ออกนำได้ทั้งๆที่ง้างไกอย่างแผ่วเบาเหมือนไร้ความมั่นใจ แต่ในเมื่อบอลเข้าประตูก็ต้องยกความดีความชอบให้เขารับไปเต็มๆเช่นเดียวกับ การ์นาโช่ ที่แอสซิสต์ให้แม้ปีกทีมชาติ อาร์เจนติน่า จะสอยตาข่ายไม่ได้มานานตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.ซึ่งเป็นระยะเวลาเท้าบอดนานที่สุดของเขานับตั้งแต่ก้าวขึ้นมาเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของสโมสร
ไม่เพียงจะยิงประตูได้สำเร็จ ผลงานในสนามของ เซิร์กซี่ ก็โดดเด่นเกินใครด้วยเนื่องจากมีสถิติระบุว่าเขาได้สัมผัสบอลทั้งสิ้น 45 ครั้ง และผ่านบอลให้เพื่อนสำเร็จ 21 จาก 27 ครั้ง
นอกจากนี้ สตาร์ชาวเมืองกังหันลมเอาชนะการดวลบนพื้นได้ 3 จาก 6 ครั้ง และชนะการดวลลูกกลางอากาศ 4 ครั้ง อีกทั้งเขาปะทะและแย่งบอลคืนมาได้หลายหนซึ่งบ่งบอกว่าพ่อค้าแข้งวัย 23 ปีเริ่มมีบทบาทสำคัญกับทีม แมนฯ ยูไนเต็ด มากขึ้นทุกที
แม้สิ่งที่ ผีแดง ต้องการจากเขามากที่สุดหนีไม่พ้นการทำประตู แต่ถึงตอนนี้ เซิร์กซี่ ซัดได้สองเม็ดแล้วจาก 17 เกมหลัง รวมทั้งสิ้นเขากระทุ้งได้ 6 ประตูนับตั้งแต่ย้ายสู่ โรงละครแห่งความฝัน
5. คาบ้านอีกมั้ย?
ถึงตอนนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังรักษาสถิติไม่แพ้เกมยุโรปในซีซั่นนี้ได้ต่อไป แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าพวกเขามีฟอร์มที่กระท่อนกระแท่นเสมอต้นเสมอปลายอย่างยิ่ง
หลังจบศึกที่แดนกระทิงดุ ทีมของ อโมริม จะเจอเกมที่ยากมากขึ้นอีกแม้จะได้เล่นในบ้านเนื่องจากพวกเขาต้องต้อนรับการมาเยือนของ อาร์เซน่อล ในศึก พรีเมียร์ลีก วันอาทิตย์นี้
จากฟอร์มในระยะหลังของ เดอะ กันเนอร์ส ชัดเจนว่าพวกเขาเริ่มออกอาการแผ่วปลายจนส่อแววหมดลุ้นซิวแชมป์ลีกแทบ 100% แล้ว แต่ล่าสุดทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ระเบิดฟอร์มโหดบุกไปถล่ม พีเอสวี ย่อยยับ 7-1 ในเกม แชมเปี้ยนส์ลีก ทั้งๆที่ปัญหาของพวกเขาคือไม่มีกองหน้าเช่นกันเนื่องจากนัดกันล้มเจ็บหมด ขณะที่ แมนฯ ยูไนเต็ด แม้จะยังพอมีกองหน้า แต่ก็เหมือนไม่มีเพราะแต่ละรายผลิตสกอร์กันไม่ค่อยได้เรื่องสักเท่าไหร่
ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม มองดูแล้วมันน่าเป็นห่วงเหลือเกินว่า ผีแดง จะสร้างผลงานเลวร้ายในเกมเหย้าเพิ่มเติมอีกหรือไม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งทีม ปืนใหญ่ ได้พักแข้งพักขามากกว่าถึงสองวัน แถม เร้ด เดวิลส์ ต้องรอลุ้นด้วยว่า แม็กไกวร์ กับ อูการ์เต้ จะหายเจ็บทันเวลาหรือเปล่า หาไม่แล้วขุมกำลังของพวกเขาต้องถือว่าเป็นรองทีมเมืองกรุงเห็นๆ