เด็ก(หงส์)ก็คือเด็ก, ควีวิน เคลเลเฮอร์ เดอะแบก! 5ข้อ ลิเวอร์พูล บุกพ่าย แซงต์ ชิลลัวส์

เด็ก(หงส์)ก็คือเด็ก, ควีวิน เคลเลเฮอร์ เดอะแบก! 5ข้อ ลิเวอร์พูล บุกพ่าย แซงต์ ชิลลัวส์
ลิเวอร์พูล ขนทีมชุดเล็กบุกไปดวลกับ อูนิยง แซงต์ ชิลลัวส์ เพื่อให้นักเตะได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์เนื่องจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ พาทีมผ่านเข้ารอบน็อกเอาต์ถ้วย ยูโรปาลีก ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และแม้จะปราชัย 2-1 แต่ก็บู๊กับทีมเจ้าบ้านได้อย่างสนุกในการฟาดแข้งเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 14 ธ.ค.โดยผลลัพธ์ดังกล่าวไม่ดีพอที่จะทำให้จ่าฝูงลีกเบลเยี่ยมคว้าอันดับสองของกลุ่ม อี ได้เนื่องจากเกมอีกคู่ ตูลุส คว้าสามแต้มได้สำเร็จด้วยการบุกไปสยบ ลินซ์ 2-1 เช่นกัน

1. เจ้าถิ่นปรับทัพสามตำแหน่ง

อูนิยง แซงต์ ชิลลัวส์ ปรับโผตัวจริงสามรายเมื่อเทียบจากเกมล่าสุดที่พวกเขาเสมอกับ ลียง แบบโนสกอร์ช่วงปลายเดือนพ.ย.

ด้วยเหตุที่ ชาร์ลส์ ฟานฮูตต์ ติดโทษแบน โนอาห์  ซาดิกี้ จึงได้ลงสนามแทนในแดนกลางร่วมกับ ลาซาเร่ อมานี่ ที่ได้เสียบแทน มาธิอัส ราสมุสเซ่น ขณะที่ในแผงรุก กุสตาฟ นีลส์สัน แย่งตำแหน่งตัวจริงไปจาก เควิน โรดริเกซ

2. หงส์ใช้แรงงานเด็ก

คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล วางตัว เคอร์ติส โจนส์ กองกลางวัย 22 ปีให้รับบทกัปตันทีมชุดที่เต็มไปด้วยดาวเตะวัยละอ่อน และทำให้ วาตารุ เอ็นโด มิดฟิลด์ทีมชาติ ญี่ปุ่น ในวัย 30 ปีเป็นขุนพลที่มีอายุมากที่สุดในโผ 11 คนแรก

ขณะเดียวกัน หากเทียบจากเกมลีกนัดบุกไปเฉือนชนะ คริสตัล พาเลซ 2-1 หงส์แดง ปรับทัพรวมเก้ารายโดยเหลือแค่ จาเรลล์ ควานซาห์ กับ เอ็นโด ที่ยังได้ออกสตาร์ตต่อเนื่องอีกนัด

จากโผดังกล่าว ทำให้ ลิเวอร์พูล มีอายุทีมเฉลี่ยนัดนี้ 22 ปี 156 วันซึ่งเป็นอายุเฉลี่ยของทีมที่น้อยที่สุดในการทำศึกฟุตบอลยุโรป และเป็นอายุเฉลี่ยน้อยที่สุดอันดับสองของสโมสรในทุกรายการโดยไม่นับรวมทีมอะคาเดมี่

3. เคลเลเฮอร์ งานชุก

เป็นธรรมดาที่ ควีวิน เคลเลเฮอร์ จะเจอกับงานที่ชุกชุมในเกมนี้เนื่องจากทีมเจ้าบ้านยังมีลุ้นคว้าอันดับสอง แถม ลิเวอร์พูล ส่งทีมชุดเด็กลงสนามจึงทำให้เกมเป็นรอง แซงต์ ชิลลัวส์ แม้ฝ่าย หงส์แดง จะครองบอลได้มากกว่า แต่ก็เปล่าประโยชน์เนื่องจากพวกเขาไม่อาจรุกคืบไปสร้างปัญหาในพื้นที่สุดท้ายของทีมคู่แข่งได้

ด้วยเหตุนี้ นายทวารไอริชจึงต้องช่วยเซฟรักษาสกอร์ให้กับทีม และเขาทำได้ดีสองสามหน แต่สุดท้ายก็หนีไม่พ้นต้องเสียประตูในนาทีที่ 32 ให้กับ โมฮาเหม็ด อามูร่า จากการก่อความผิดพลาดในแดนกลางของ โจนส์ ที่ปล่อยให้โดนรุมแย่งบอลจนเปิดโอกาสให้ แซงต์ ชิลลัวส์ ได้โต้กลับ

อย่างไรก็ดี ในฐานะทีมที่มีทีเด็ดในการยิงประตู ลิเวอร์พูล ทวงสกอร์คืนจนได้จากการตะบันที่เด็ดขาดของ ควานซ่าห์ ซึ่งเป็นประตูแรกของเขากับสโมสรด้วย และเป็นประตูที่ 2,000 ของ หงส์แดง ในยุคของ คล็อปป์ เมื่อนับรวมทุกรายการ

ถึงกระนั้น ท้ายที่สุดด้วยเกมรุกที่วูบวาบและต่อเนื่องของทีมเจ้าบ้านก็ทำให้พวกเขานำหน้าอีกหน 2-1 ในนาทีที่ 43 จากฝีเท้าของ คาเมรอน ปวยร์ตาส

จบครึ่งแรก เร้ด แมชีน ทำได้แค่ครองบอลเหนือกว่า 71:29% แต่ไม่มีประสิทธิภาพในการเจาะเข้าแดนอันตราย และเป็นรอง แซงต์ ชิลลัวส์ ลิบลับสำหรับโอกาสยิงประตู 8:1 ครั้งโดยทีมเจ้าบ้านส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 4-1 ครั้ง

4. เข้ารอบแต่ไม่ยอมแพ้

เริ่มครึ่งหลัง คล็อปป์ แก้เกมทันทีด้วยการเปลี่ยน เอ็นโด ที่เล่นได้แย่ออกไปพร้อมกับ อิบราฮิม่า โกนาเต้ โดยมี ไรอัน กราเฟนแบร์ก และ โจ โกเมซ ลงไปสวมปลอกแขนแทน โจนส์ และแม้จะทำให้เกมบุกมีความวูบวาบมากขึ้น แต่เกมรับยังเป็นปัญหาเช่นเดิมเนื่องจากสองฟูลแบ็คล้วนเป็นนักเตะฟันน้ำนมด้วยกันทั้งคู่จึงเปิดโอกาสให้ แซงต์ ชิลลัวส์ จู่โจมเข้าหาตลอดเวลา

ถึงกระนั้นจากภาพรวมต้องถือว่าเด็กหงส์สวมวิญญาณนักสู้กัดฟันต่อกรกับเจ้าบ้านได้ไม่เลวแม้ชั้นเชิงจะเป็นรอง และสามารถยันสกอร์โดนนำ 2-1 ได้กระทั่งเข้าสู่ช่วงทดเวลา เคลเลเฮอร์ วิ่งขึ้นไปเล่นลูกเตะมุมด้วยแม้จะไม่มีความจำเป็นใดๆก็ตามซึ่งชี้ให้เห็นว่า เร้ด แมชีน ไม่ขอเสียสถิติปราชัยง่ายๆต่อให้พวกเขาเข้ารอบน็อกเอาต์ถ้วยใบนี้ไปก่อนแล้วก็เถอะ

ครบ 90 นาที ลิเวอร์พูล ยังเหนือกว่าในด้านการครองบอล 69:31% แต่โอกาสยิงประตูด้อยกว่าเจ้าบ้านเหมือนเดิม 15-4 ครั้ง รวมถึงการส่งบอลเข้ากรอบที่เป็นรอง 6-3 ครั้ง แม้ คล็อปป์ จะส่ง ดาร์วิน นูนเญซ ลงไปแทน เบน โด๊ค ที่เล่นไม่ออกในนาทีที่ 63 แต่ไม่ดีพอที่จะทำให้ทีมรอดพ้นความพ่ายแพ้ได้โดยเจ้าบ้านเกือบชนะ 3-1 ด้วยซ้ำจากประตูของ ปวยร์ตาส เจ้าเก่า แต่วีเออาร์จับได้ว่า ฌอง เธียร์รี่ ลาซาเร่ ทำแฮนด์บอลก่อนจึงริบคืน

5.เดาใจ คล็อปป์ เกมแดงเดือด

หลังบินกลับจากเบลเยี่ยม ลิเวอร์พูล จะมีเกมแดงเดือดปะทะกับ แมนฯ ยูไนเต็ด วันอาทิตย์นี้ซึ่งแน่นอนว่าสำคัญกว่าเกมบู๊กับ อูนิยง แซงต์ ชิลลัวส์ ชนิดเทียบกันไม่ได้เนื่องจากสภาพของ ผีแดง ชั่วโมงนี้เปิดโอกาสให้ เร้ด แมชีน คว้าสามแต้มรักษาตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้ต่อไป

ขณะเดียวกัน หากจะลองเดาใจการจัดทัพของ คล็อปป์ ล่วงหน้า แน่นอนว่าสี่สตาร์ที่ไม่ได้เดินทางไปกับทีมเมื่อกลางสัปดาห์ทั้ง อลิสซง , เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ , เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โม ซาลาห์ จะได้ฟัดกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในฐานะนักเตะตัวจริงอย่างแน่นอน

นอกจากนี้ คีย์แมนอย่าง หลุยส์ ดิอาซ และ โดมินิก โซโบซไล ก็จะกลับมาอยู่ในโผ 11 คนแรกตามเดิม ขณะที่ คอสตาส ซิมิคาส ก็น่าจะประจำการในตำแหน่งแบ็คซ้าย

สำหรับ นูนเญซ แม้จะยังใช้โอกาสเปลืองไม่เลิก แต่คาดว่าจะได้ลงบู๊วันอาทิตย์นี้เช่นกันหลังจาก คล็อปป์ ส่งเขาลงไปยืดเส้นยืดสายกับ อูนิยง แซงต์ ชิลลัวส์ เนื่องจาก โคดี้ กัคโป ที่ได้เล่นเต็มเกมเมื่อวันพฤหัสบดี และโชว์ฟอร์มได้แย่น่าจะต้องกลับไปนั่งข้างสนามมากกว่า

สุดท้ายแล้ว ตำแหน่งที่ยากแก่การคาดเดาคือหมายเลขหกโดยเฉพาะหาก อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ หายเจ็บไม่ทัน รวมทั้งคู่ขาของ ฟาน ไดค์ ซึ่งอาจเป็น โกนาเต้ ที่ถูกเก็บไปพักหลังลงเล่นเกมทิ้งทวนรอบแบ่งกลุ่มถ้วย ยูโรปาลีก แค่ครึ่งเดียว แต่มันเข้าข่ายรักพี่เสียดายน้องอยู่เหมือนกันเนื่องจาก ควานซาห์ กำลังมั่นใจ และอาจได้ลงเล่นเป็นตัวจริงสามเกมติดต่อกันก็ได้ขึ้นอยู่กับว่า คล็อปป์ จะเลือกความสดหรือว่าความเก๋า แต่ขณะเดียวกันก็ต้องรอดูว่าเซ็นเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติ ฝรั่งเศส ฟิตเต็มร้อยหรือเปล่า แถม ควานซาห์ เองในเกมล่าสุดก็ใช่ว่าจะคุมพื้นที่ได้ดีเนื่องจากปล่อยให้ทีมลูกหนังเบลเยี่ยมหลุดเข้าเขตโทษถี่ยิบ


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport