ย้อนกลับไปไม่ต้องไกลมากแค่เดือนครึ่ง เลสเตอร์ ซิตี้ ยังนำจ่าฝูงแชมเปี้ยนชิพอังกฤษสบาย ๆ ด้วยคะแนนทิ้งห่าง 12 แต้มอยู่เลย
ขุนพลจิ้งจอกสีน้ำเงินเพิ่งตกชั้นจากพรีเมียร์ลีกลงมา ได้รับการคาดหมายตั้งแต่ก่อนฤดูกาลจะเปิดขึ้นว่าน่าจะกลับไปเล่นในลีกสูงสุดอีกครั้งภายในปีเดียว
เป็นตัวเต็งที่จะได้เลื่อนชั้น และก็ทำท่าว่าจะทำได้อย่างที่ใคร ๆ คาดกันจริง ๆ
เพียงแค่การออกตัวฤดูกาลใหม่ ขุนพลจิ้งจอกของ เอนโซ่ มาเรสก้า ก็เดินหน้าเก็บคะแนนอย่างหิวกระหายด้วยผลงานร้อนแรง ชนะรวดใน 4 เกมแรก สะดุดแพ้ ฮัลล์ ซิตี้ ในบ้าน แล้วก็กวาดชัยชนะต่อเนื่องอีก 9 นัดติดต่อกัน
เปิดหัวมา 14 เกมแรกด้วยสถิติชนะ 13 แพ้ 1 ตอนนั้นเพิ่งจะสิ้นสุดเดือนตุลาคมก็ทิ้งทีมอื่น ๆ แบบฉิวปลิวลม ผู้คนไม่พูดถึงการเลื่อนชั้นของพวกเขากันแล้ว แต่คุยกันว่าใครจะตามเลสเตอร์ขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกมากกว่า
เดือนพฤศจิกายนเริ่มต้นด้วยความพ่ายแพ้ 2 เกมติดต่อ ลีดส์ ยูไนเต็ด และ มิดเดิลสโบรช์ แต่ก็จบเดือนด้วยผลงานเตะ 4 ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 2 ก่อนจะอาละวาดหนัก ๆ อีกครั้งในเดือนสุดท้ายของปีด้วยการชนะ 5 เกมรวดก่อนบุกไปเสมอ อิปสวิช ทาวน์ แล้วปิดปี 2023 ด้วยชัยชนะ
ผลงานเดือนธันวาคมคือเตะ 7 ชนะ 6 เสมอ 1 แต้มที่เคยห่างอยู่แล้วก็ยิ่งห่างขึ้นไปอีก
เลสเตอร์ ซิตี้ จบปี 2023 ด้วยการเล่น 25 เกมในลีก ชนะ 20 เสมอ 2 แพ้ 3
ไม่มีวี่แววใด ๆ ของปัญหา ไร้ความกังวลใด ๆ เรื่องจะไม่ได้เลื่อนชั้น
กระทั่งเข้าสู่ปี 2024 ทุกอย่างก็ยังอยู่ในการควบคุม เลสเตอร์จบเดือนมกราคมด้วยผลงานชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 1 ในการเตะ 4 นัด และชนะ 4 เกมติดต่อกันตั้งแต่นัดสุดท้ายของเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์
ตรงนั้นล่ะครับที่ เลสเตอร์ ซิตี้ หนี อิปสวิช ทาวน์ กับ ลีดส์ ยูไนเต็ด ไกลถึง 12 แต้มหลังจากผ่านไป 32 เกม มองไม่เห็นเหตุผลใด ๆ ว่าพวกเขาจะทำทุกอย่างหลุดมือได้ใน 14 เกมสุดท้ายของฤดูกาล
แต่แล้วมันก็เกิดขึ้นจริง ๆ
เลสเตอร์แพ้ 3 นัดติดต่อกันอย่างไม่น่าเชื่อ ในจำนวนนี้เป็นเกมในถิ่น คิงเพาเวอร์ สเตเดี้ยม ของตัวเองถึง 2 นัดด้วยคือแพ้ มิดเดิลสโบรช์ กับ ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส ขณะที่อีกเกมออกไปแพ้ ลีดส์ ยูไนเต็ด ที่เอลแลนด์ โร้ด
เท่ากับว่าทีมจิ้งจอกสีน้ำเงินแพ้ มิดเดิลสโบรช์ และ ลีดส์ ยูไนเต็ด แบบไป-กลับในซีซั่นนี้ แต่นั่นไม่น่าวิตกเท่าความเป็นจริงที่ทั้งทีมยูงทองและ อิปสวิช ทาวน์ ต่างก็เก็บคะแนนเต็มเม็ดเต็มหน่วยได้ทั้งคู่ในช่วงเวลาเดียวกัน
เลสเตอร์แพ้ 3 นัดติด อิปสวิชชนะ 3 นัดติด ส่วนลีดส์ชนะ 2 เสมอ 1 จาก 12 คะแนนที่นำลิ่วแบบหายห่วงลดลงเหลือแค่ 3 แต้มเหนือทีมม้าขาวและ 5 คะแนนเหนือทีมยูงทองเท่านั้น
โมเมนตัมในเวลานั้นช่วงต้นเดือนมีนาคม เลสเตอร์ ซิตี้แพ้ 3 เกมติดต่อกัน อิปสวิช ทาวน์ชนะ 6 นัดรวด และ ลีดส์ ยูไนเต็ดชนะ 11 เสมอ 1 จาก 12 นัด
จากวันนั้นถึงวันนี้ ลีดส์ กับ อิปสวิช ลงเตะเพิ่มไปอีก 4 นัด เลสเตอร์ 3 นัด แนวโน้มยังคงเป็นอย่างเดิมคือ 2 ทีมแย่งตั๋วฟอร์มแทบไม่ตกหล่น ผิดกับอดีตแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2015/16 ที่ยังคลำหาความมั่นใจไม่เจอ
4 นัดต่อมาของลีดส์ ดาเนียล ฟาร์เค่ พาทีมชนะ 3 นัดรวดและเพิ่งจะเสมอ วัตฟอร์ด ในเกมล่าสุดหลังพักเบรกทีมชาติ
4 นัดต่อมาของอิปสวิช ชนะ 3 แพ้ 1 ทีมของ คีแรน แม็คเคนน่า เกือบจะชนะ 4 เกมติดต่อกันด้วยซ้ำถ้านัดเยือน คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ ไม่ถูกเจ้าถิ่นรัวแซง 2 ประตูในนาที 90+5 กับ 90+10 แพ้กลับมา 1-2
ขณะที่ 3 เกมต่อมาของเลสเตอร์ เริ่มจากแก้ตัวด้วยการบุกชนะซันเดอร์แลนด์ 1-0 ด้วยประตูชัยของ เจมี่ วาร์ดี้ แต่ 2 เกมล่าสุดต้องไล่ตีเสมอ ฮัลล์ ซิตี้ 2-2 ด้วยการเหมายิงของวาร์ดี้เจ้าเก่า และไปแพ้ที่ บริสตอล ซิตี้ 0-1 ทั้งที่ปูพรมบุกขย่มใส่เจ้าถิ่นตลอดทั้งเกม
ในเกมล่าสุดที่แอชตัน เกต วาร์ดี้มีโอกาสหลุดเดี่ยวเฉพาะในครึ่งแรก 2 ครั้งและมีโอกาสทำประตูอีกพอสมควรเช่นเดียวกับเพื่อนร่วมทีมที่สร้างจังหวะทำประตูในแบบที่ศัพท์ฟุตบอลเรียกว่า Clear cut หรือโอกาสทองฝังเพชรไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง
เลสเตอร์เปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้เลยแม้แต่ลูกเดียว แถมผลการแข่งขันยังจบลงด้วยความพ่ายแพ้อีกต่างหาก
ในช่วงเวลาที่ย่ำแย่ทุกอย่างก็ดูเหมือนจะไม่เป็นใจไปเสียหมด ครึ่งฤดูกาลแรกทีมจิ้งจอกสีน้ำเงินเอาชนะคู่แข่งได้ในบางเกมที่เล่นไม่ดีนัก แต่พอถึงเวลานี้กระทั่งเกมที่เล่นดีมาก ๆ สร้างโอกาสทำประตูมากมายพวกเขากลับเป็นฝ่ายปราชัย
ถึงตรงนี้แล้วคาดเดาไม่ได้จริง ๆ ครับว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร มันจะจบด้วย เลสเตอร์-อิปสวิช เลสเตอร์-ลีดส์ หรือ อิปสวิช-ลีดส์ เป็นไปได้ทั้งสิ้น
โมเมนตัมปัจจุบันที่เกิดขึ้นระหว่างทั้ง 3 ทีมจึงเป็นอย่างนี้ครับ
ลีดส์ ยูไนเต็ด ชนะ 13 เสมอ 2 จาก 15 เกมหลังสุด
อิปสวิช ทาวน์ ชนะ 8 แพ้ 1 จาก 9 นัดหลังสุด
เลสเตอร์ ซิตี้ ชนะแค่เกมเดียวจาก 6 นัดหลังโดยแพ้ถึง 4 เกม
อิปสวิชนำเป็นจ่าฝูงมี 84 คะแนนจาก 39 นัด ตามมาด้วยลีดส์ 83 คะแนนจาก 39 นัดเท่ากัน และเลสเตอร์ 38 นัด 82 คะแนน
ความโหดร้ายของสงครามแย่งตั๋วเลื่อนชั้นอยู่ตรงนี้ล่ะครับ ต่อให้คุณทำผลงานดีเยี่ยมเพียงใด แต่ถ้ายังมีคู่แข่งอีก 2 ทีมที่ทำผลงานดีกว่าคุณหรือดีไม่แพ้คุณ ฝันของคุณก็อาจสลายได้เหมือนกัน
เพียง 2 อันดับแรกเมื่อจบฤดูกาลเท่านั้นที่จะได้เลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติ อันดับ 3 ต้องไปลุ้นต่อในเกมเพลย์ออฟซึ่งเหมือนทุกอย่างที่ทำมาตลอด 46 เกมในฤดูกาลปกติถูกรีเช็ตเป็นศูนย์เริ่มต้นกันใหม่ ความน่าจะเป็นที่จะได้เลื่อนชั้นลดฮวบเหลือแค่ 1 ใน 4
เลสเตอร์ ซิตี้ กำลังเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนั้น
ดาวซัลโวอันดับหนึ่งของทีมยังคงเป็น เจมี่ วาร์ดี้ เหมือนเดิม แต่ เอนโซ่ มาเรสก้า ก็ใช้งานกองหน้าวัย 37 ปีอย่างทะนุถนอมที่สุด สลับให้ลงสนามเป็นตัวจริงกับตัวสำรอง
อันที่จริงเลสเตอร์มีนักเตะหลายคนที่ทำประตูได้ เคียร์แนน ดูวส์บิวรี่-ฮอลล์ กองกลางคนสำคัญก็ยังท็อปฟอร์มยิง 10 จ่าย 12 หรือนักเตะใหม่อย่าง สเตฟี่ มาวิดิดี้ กองหน้าจากมงต์เปลลิเย่ร์ก็ยิง 10 จ่าย 4
นี่คือฤดูกาลที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ยังคงมีปัญหาด้านการเงินตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาล พวกเขาต้องขายนักเตะคนสำคัญอย่าง เจมส์ แม้ดดิสัน, ยูริ ตีเลมันส์, ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์, น็อมปาลิส เมนดี้, อโยเซ่ เปเรซ, คากลาร์ โซยุนชู, ทิโมธี กาสตาญ ออกไป แต่ก็ยังสามารถบริหารจัดการได้ดี มีผู้จัดการทีมฝีมือเยี่ยมอย่าง มาเรสก้า เข้ามาทำงาน และเสริมผู้เล่นได้อย่างถูกจุด
ข่าวเรื่องการอาจถูกลงโทษตัดคะแนนจากการทำผิดกฎการเงินอาจกระทบห้องแต่งตัวอยู่บ้าง เช่นเดียวกับการเสีย เชซาเร่ คาซาเด มิดฟิลด์ชาวอิตาเลียนที่ถูก เชลซี ดึงกลับไปจากสัญญายืมตัวเมื่อเดือนมกราคม แต่เรื่องเหล่านี้ยังไม่น่าจะเป็นเหตุผลใหญ่ในผลงานที่ตกต่ำช่วงนี้
จากที่ทำท่าว่าจะได้เลื่อนชั้นอย่างไม่มีปัญหา ตอนนี้กองเชียร์เลสเตอร์กำลังวิตกกับสิ่งที่เกิดขึ้น และต้องลุ้นกันตัวโก่งทีเดียวครับกับ 8 เกมที่เหลืออยู่ของฤดูกาล
แชมเปี้ยนชิพนัดล่าสุดเพิ่งจะเตะกันไปเมื่อวันศุกร์ พักกัน 2 วันแล้ววันจันทร์นี้ต้องลงสนามกันอีกแล้ว ใครเป็นกองเชียร์ก็ได้ลุ้นทีมรักแบบต่อเนื่องกันเลยล่ะครับ
Photo: gettyimages
--------
โปรแกรมเตะของ 3 ทีมนำแชมเปี้ยนชิพ วันจันทร์ที่ 1 เม.ย. 2567 (ฤดูกาลปกติเตะ 46 นัด)
18.30 น. เลสเตอร์ ซิตี้ (อันดับ 3 เตะ 38 นัด 82 คะแนน) - นอริช ซิตี้ (อันดับ 6 เตะ 39 นัด 64 คะแนน)
23.30 น. อิปสวิช ทาวน์ (อันดับ 1 เตะ 39 นัด 84 คะแนน) - เซาธ์แฮมป์ตัน (อันดับ 4 เตะ 37 นัด 74 คะแนน)
02.00 น. ลีดส์ ยูไนเต็ด (อันดับ 2 เตะ 39 นัด 83 คะแนน) - ฮัลล์ ซิตี้ (อันดับ 9 เตะ 38 นัด 58 คะแนน)
ตังกุย