ถ้าพูดว่า อูนิโอน เบอร์ลิน จะเป็นแชมป์บุนเดสลีกาในตอนนี้อาจไม่มีใครเชื่อเท่าไหร่
หากย้อนกลับไปพูดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก่อนที่พวกเขาจะลงเตะกับโบคุ่มแล้วไม่มีแต้มติดมือออกมา อาจจะน่าเชื่อกว่านี้
แต่กระนั้น.. มันก็ยังไม่น่าเชื่อหรอกครับ ไม่ใช่ว่าเป็นการดูถูกดูแคลนอะไรด้วย เพียงแต่ที่ไม่กล้าเชื่อเพราะมันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อเกินไป เกินความจริงเกินไป
เส้นทางยังอีกยาวไกลนักครับ เวลานี้บุนเดสลีกาเพิ่งจะผ่านมาเพียง 11 นัดเท่านั้นเอง ยังเหลืออีก 23 เกมให้เกิดจุดพลิกผันอะไรขึ้นได้อีกมากมาย
ชัยชนะเหนือ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ในสองเกมก่อนหน้าคือผลงานระดับมาสเตอร์พีซอีกครั้งของ อูร์ส ฟิสเชอร์ และลูกทีม มันทำให้พวกเขาฉีกหนี บาเยิร์น มิวนิค ที่ไล่ตามมาเป็นอันดับสองออกไปเป็น 4 แต้ม
ล่าสุดแม้ช่องว่างนั้นจะลดลงมาเหลือแค่คะแนนเดียว แต่ตำแหน่งจ่าฝูงก็ยังเป็นของทีมเล็กๆ จากย่านโคเปนิคทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเบอร์ลินทีมนี้
จุดแข็งของอูนิโอนมีอยู่ 3-4 ข้อที่มองเห็นแบบชัดๆ
หนึ่ง คือวิธีการเล่นที่เน้นรับแล้วโต้ พวกเขามีสถิติครองบอลเฉลี่ยแค่ 41 เปอร์เซนต์เท่านั้น น้อยที่สุดแล้วในบุนเดสลีกา
สอง คือพวกเขามีทีมเวิร์กอันยอดเยี่ยม เล่นเกมรับด้วยกันได้ดี ตรึงเกมเข้มข้น เข้าแย่งบอลเร็ว และตอบโต้แบบเฉียบพลันด้วยคู่กองหน้าที่ทั้งเร็วและเข้าขากันอย่าง จอร์แดน ซีบัตเฌอ ตัวทีมชาติสหรัฐฯ กับ เชรัลโด้ เบ็คเกอร์ ที่มีสปีดเร็วจัดระดับท็อปทรีของลีกชาวสุรินัม
สาม คือความเด็ดขาดในการเปลี่ยนโอกาสเป็นประตู อูนิโอนมีค่าคำนวนประตูที่ควรจะทำได้ตลอด 11 เกมที่ผ่านมาอยู่ที่ 11 ลูก แต่กลับยิงไปแล้วถึง 19 ประตู
สถิติฟุตบอลในปัจจุบันเราได้เห็นคำว่า xGoal บ่อยขึ้น มันคือการคำนวนความน่าจะเป็นจากทุกๆ โอกาสทำประตู บางจังหวะความน่าจะเป็นมีน้อยแค่ 5 เปอร์เซนต์หรือ 10 เปอร์เซนต์ บางจังหวะคุณอาจจะมีโอกาสถึง 95 เปอร์เซนต์
ความน่าจะเป็นต่างๆ จากโอกาสเหล่านั้นล่ะครับ เขานำมาประมวลรวมเป็นค่า XGoal ของทีมแต่ละทีม และของนักฟุตบอลแต่ละคน
อูนิโอน เบอร์ลิน ควรจะมีประตูแค่ 11 ลูกหลังผ่าน 11 นัดแรก แต่กลับทำได้ถึง 19 ลูก ขณะที่ เบ็คเกอร์ ยิงไปแล้ว 6 ประตูจากความน่าจะเป็นว่าเขาควรยิงได้แค่ไม่ถึง 2 ประตูในเวลานี้
บางทีมและบางคนมีค่า xGoal สูงกว่าประตูที่ทำได้ นั่นหมายถึงประสิทธิภาพการทำประตูที่ยังไม่เฉียบขาดพอ แต่ อูนิโอน ทำในสถิติที่ออกมาตรงกันข้าม แถมยังเป็นการทำได้ดีกว่าค่าคำนวนร่วม 70 เปอร์เซนต์ หรืออย่างรายของ เบ็คเกอร์ ก็ดีกว่าค่าที่คำนวนออกมาถึง 200 เปอร์เซนต์ (ควรจะยิงได้แค่ 2 แต่กลับซัลโวไปแล้ว 6)
สี่ คือแฟนบอลในสนาม สตาดิโอน อัน แดร์ อัลเทน ฟอร์สเตไร
สนามเล็กๆ ความจุแค่ 22,467 คนแห่งนี้เป็นเพียงสนามฟุตบอลเก่าๆ ไม่ได้ใหญ่โตอลังการเหมือนสนามอื่นๆ
สกอร์บอร์ดบนอัฒจันทร์ยังใช้ระบบแมนวลให้คนดึงป้ายเปลี่ยนสกอร์เอาเองอยู่เลย
โฆษกในสนามก็เป็นผู้บริหารระดับผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร บรรยากาศยามเล่นในบ้านจึงมีความเป็นครอบครัวสูงมาก ด้วยความที่เป็นทีมเล็ก สนามเล็ก และเติบโตขึ้นมาด้วยกันตั้งแต่ครั้งที่ยังเล่นในลีกระดับดิวิชั่นสี่ของประเทศ
อูนิโอน มีความกลมเกลียวเป็นจุดแข็ง พลังใน อัน แดร์ อัลเทน ฟอร์สเตไร เข้มข้นและเข้มแข็งมาก แฟนบอลในสนามคือปัจจัยสำคัญที่ทำให้พวกเขามีสถิติไร้พ่ายยาวนานที่นั่น
ครั้งล่าสุดที่ อูนิโอน พ่ายแพ้ในเกมลีกที่สนามของตัวเองต้องย้อนไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ที่ถูก โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ บุกอัด 0-3
แล้วอีก 11 เกมต่อมาคือ 6 เกมเมื่อฤดูกาลที่แล้ว กับอีก 5 เกมในฤดูกาลนี้ แฟนบอลอูนิโอนยังไม่เคยเห็นทีมแพ้ในเกมลีกที่ฟอร์สเตไรอีกเลย
บาเยิร์นได้แค่แต้มเดียว ดอร์ทมุนด์ ไลป์ซิก รวมถึงไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต แชมป์ยูโรปา ลีก ไม่มีคะแนนติดมือออกไป
ทุกสถิติย่อมมีวันสิ้นสุด แต่ในตอนนี้มันยังคงนับไปเรื่อยๆ และทุกๆ เกมที่ผ่านไปล้วนเป็นความภูมิใจของพวกเขา
แน่นอนครับ ในแง่ของชื่อเสียงและแรงดึงดูด อูนิโอน เบอร์ลิน คงไม่ได้มีมากเหมือนทีมดังยอดนิยมที่เก่าแก่ทั้งหลาย แต่พวกเขาก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองที่น่าจะเรียกกองเชียร์ได้ในระดับหนึ่ง
เพราะนอกเหนือจากผลงานและบรรยากาศในสนามที่น่าทึ่งแล้ว เรื่องราวความเป็นทีมจากซีกตะวันออกของเมืองตั้งแต่ยุคกำแพงเบอร์ลินยังไม่พังทลายก็ยังชวนให้น่าค้นหาโดยตัวของมันเอง
ก่อนหน้านี้ถ้าพูดถึงเบอร์ลินกับทีมฟุตบอล ชื่อของ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน แทบจะอยู่ในระดับที่เรียกกันติดปาก ด้วยเราคุ้นเคยกับเยอรมันฝั่งตะวันตกมากกว่า
แฮร์ธ่าเองก็อยู่ในลีกสูงสุดบุนเดสลีกา ต่อสู้กับเหล่าเสือสิงห์กระทิงแรดจากเมืองอื่นๆ มาตลอด ตกชั้นไปก็เลื่อนกลับขึ้นมาใหม่ ขณะที่อูนิโอนอยู่อย่างเงียบในเวทีลูกหนังฝั่งตะวันออก กระทั่งรวมชาติกันแล้วก็ยังไม่ได้ลืมตาอ้าปาก
ทีมอันดับหนึ่งของเมืองหลวงที่ร่ำรวยด้วยกลิ่นอายประวัติศาสตร์แห่งนี้จึงเป็นแฮร์ธ่า เบอร์ลิน มาตลอดแม้จะไม่มีความสำเร็จยิ่งใหญ่ใดๆ เมื่อเปรียบเทียบกับทีมใหญ่จากเมืองอื่นก็ตาม แต่อย่างน้อยสนามกีฬาโอลิมปิก สเตเดี้ยม อันเลื่องชื่อก็เป็นรังเหย้าของพวกเขา
กระนั้นเมื่อ อูนิโอน เบอร์ลิน ได้ก้าวขึ้นมาสัมผัสเวทีบุนเดสลีกาบ้างเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์เมื่อฤดูกาล 2019/20 สายลมแห่งความเปลี่ยนแปลงก็มาถึง และมันพัดพาเอาความภูมิใจของกองเชียร์แฮร์ธ่าปลิวไปอย่างรวดเร็ว
ในซีซั่นแรกที่เล่นบนลีกสูงสุดด้วยกัน แฮร์ธ่า ยังจบฤดูกาลด้วยอันดับเหนือกว่า อูนิโอน แต่ก็เพียงอันดับเดียวคืออันดับ 10 กับ 11 ด้วยคะแนนที่ห่างกันเพียงแต้มเดียวเท่านั้น แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มถูกแซงและทิ้งห่างออกไปทุกที
ฤดูกาล 2020/21 อูนิโอน เบอร์ลิน จบด้วยอันดับ 7 ของตาราง มี 50 คะแนน ขณะที่แฮร์ธ่า หล่นไปอยู่อันดับ 14 มีเพียง 35 คะแนน และเมื่อฤดูกาลที่แล้ว 2021/22 อูนิโอนก็เฆี่ยนแฮร์ธ่าอย่างไม่ปราณีกระชากความเป็นหมายเลขหนึ่งของเมืองไปครองอย่างสมบูรณ์แบบ
เพราะไม่เพียงจบฤดูกาลด้วยอันดับสูงที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรคืออันดับ 5 ด้วยคะแนน 57 แต้ม ตีตั๋วไปเล่นยูฟ่า ยูโรปา ลีก พร้อมทิ้งห่างแฮร์ธ่าถึง 24 คะแนนเท่านั้น แต่อูนิโอนยังอัดแฮร์ธ่าไม่ยั้งในการพบกันทั้ง 3 เกมซีซั่นนั้นด้วย
เปิดรังฟอร์สเตไรทุบ 2-0 และบุกถล่มถึงโอลิมปิก สเตเดี้ยม 4-1 ในเกมลีก อีกทั้งยังบุกสอย 3-2 เขี่ยคู่ปรับร่วมเมืองร่วงตกรอบเดเอฟเบ โพคาล
อูนิโอนสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งของเมืองหลวงโดยไร้ข้อโต้แย้ง เพียงแต่สำหรับวงการฟุตบอลเมืองอินทรีเหล็กแล้ว ลูกหนังของเบอร์ลินยังเป็นเพียงเด็กน้อย ด้วยศูนย์กลางของความสำเร็จตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันลอยไปตกยังเมืองอื่นทั้งสิ้น
มิวนิค ดอร์ทมุนด์ เบรเมน สตุ๊ตการ์ท โคโลญจน์ มึนเช่นกลัดบัค ชาลเก้ หรือกระทั่งเมืองเอกด้านเวชภัณฑ์อย่าง เลเวอร์คูเซ่น ที่ยังไม่เคยได้แชมป์ลีกเยอรมันก็ยังเป็นที่พูดถึงในเชิงความยิ่งใหญ่มากกว่า อย่างน้อยก็เคยคว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ เคยเข้าชิงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และได้รองแชมป์บุนเดสลีกาอีก 5 สมัย
แน่นอนครับ เราคงนึกภาพไม่ออกหรอกว่า อูนิโอน เบอร์ลิน จะเป็นแชมป์บุนเดสลีกา ผมเองก็นึกไม่ออกเหมือนกัน
แต่ถ้าทีมอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ยังเคยคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ทีมอย่างเวโรน่ายังเคยได้แชมป์กัลโช่ เซเรีย อา หรือทีมอย่าง ล็องส์ มงต์เปลลิเย่ร์ หรือ ลีลล์ ยังเคยได้แชมป์ลีกเอิง ทำไมมันถึงจะเกิดขึ้นไม่ได้
ไกเซอร์สเลาเทิร์น กับ โวล์ฟส์บวร์ก ก็เคยทำให้เห็นแล้วว่า ไม่มีอะไรหรอกที่เป็นไปไม่ได้ในเกมฟุตบอล
ทั้งสองครั้งล้วนเป็นความมหัศจรรย์ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ไกเซอร์สเลาเทิร์น 1997/98 หรือ โวล์ฟส์บวร์ก 2008/09
บทสรุปอันเป็นเทพนิยายสามารถเกิดขึ้นได้เสมอกับทุกๆ ทีม
บางครั้งความเชื่อของผู้คนก็ถูกลบล้างด้วยความจริง ที่เคยเชื่อว่าใช่กลับไม่ใช่ ที่เคยเชื่อว่าไม่ใช่.. มันก็อาจจะกลับใช่
แน่นอนครับ เส้นทางยังอีกไกล แต่น่ามาลุ้นกันดูว่า อูนิโอน เบอร์ลิน จะสร้างเทพนิยายของตัวเองได้ไหม
ตังกุย