ได้เห็นกับตา! เลเวอร์คูเซ่น คู่ควรกับแชมป์ประวัติศาสตร์

ได้เห็นกับตา! เลเวอร์คูเซ่น คู่ควรกับแชมป์ประวัติศาสตร์
เป็นความประทับใจอย่างมากที่ได้ดู ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น..

เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น เกมไหนก็เกมนั้น มาตรฐานไม่มีตกเลย

ถ้าผมเป็นนักเตะของ บาเยิร์น มิวนิค ผมก็คงอดท้อไม่ได้เหมือนกัน เมื่อทีมห้างขายยาทำมันได้ครั้งแล้วครั้งเล่า

จาก 13 นัด สู่ 10 นัด สู่ 8 นัด และล่าสุดเหลือ 7 นัดสุดท้ายของฤดูกาล

แต้มที่เคยขยับเข้าใกล้ในระดับชนะแค่เกมเดียวก็แซงได้ กลายมาเป็น 5 คะแนน 8 คะแนน 10 คะแนน และในปัจจุบัน 13 คะแนน

เลเวอร์คูเซ่นยังเดินหน้าทำสถิติไม่แพ้ใครต่อไป นับถึงตรงนี้ 39 เกมในทุกรายการเข้าไปแล้ว

โดนนำ 1 ประตูก็กลับมาได้ โดนนำ 2 ประตูก็ยังกลับมาได้ สองเกมเหย้า/เยือนกับคาราบัคในเวทียูโรปา ลีก เห็นแคแร็กเตอร์ของเลเวอร์คูเซ่นเด่นชัดที่สุด ถูกนำ 0-2 ในครึ่งแรกที่กรุงบากู ไล่ตีเสมอ 2-2 นาที 90+2

นัดสองที่กลับมาเล่นในบ้านตัวเองยิ่งหนักกว่าเดิม โดนนำ 0-2 นาที 67 แต่รัวแซง 3-2 นาที 90+3 กับ 90+7

ใครที่ได้เห็นการบดขยี้อย่างไม่ลดละของนักเตะเลเวอร์คูเซ่นคงประทับใจ ทั้งยังเหนื่อยแทนคู่ต่อสู้ที่ต้องตั้งการ์ดรับมือกับพายุโหมกระหน่ำที่มาจากทุกทิศทุกทาง

เกมลีกเยอรมันเมื่อคืนวันเสาร์ก็เช่นกัน ฮอฟเฟ่นไฮม์ทำได้ดีมาก ๆ แล้วกับการตั้งรับ แต่สุดท้ายต้านทานความมุ่งมั่นของจ่าฝูงบุนเดสลีกาที่กำลังหมายมั่นปั้นมือกับการสร้างประวัติศาสตร์ยิ่งใหญ่ไม่ได้จริง ๆ

ผมนั่งดูเกมที่ ไบอารีน่า ตั้งแต่ต้นจนจบ อดหอบหายใจแทนนักเตะทั้ง 2 ทีมไม่ได้

ชื่นชมในความพยายามของทีมเยือนที่ต้องการรักษาสกอร์ที่นำอยู่ ทีมของ เปลเลกริโน่ มาตาราซโซ่ ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้แล้ว รับแน่น ถ่วงเวลา หาโอกาสบุกตอบโต้กลับ แต่โมเมนตัมเมื่อเวลาเคลื่อนเข้าสู่ช่วงสิบห้านาทีสุดท้ายเป็นของเจ้าถิ่นล้วน ๆ

เลเวอร์คูเซ่นไม่เปิดโอกาสให้นักเตะฮอฟเฟ่นไฮม์ได้อ้าปากหายใจด้วยซ้ำ ปูพรมบุกถล่มเข้าใส่เป็นชุด ๆ และทุกทิศทุกทาง

บอลครอสจากด้านข้างก็มี บอลเจาะตรงกลางก็มี บอลทำชิ่งในพื้นที่แคบ ๆ ก็มี ลากแหวกทะลวงเข้าไปเองก็มี ถึงเส้นหลังตบเข้ามาให้ยิงก็มี ลองส่องไกลก็มี กระทั่งหลอกลักไก่ยิงก็ยังมี

มาหมดทุกรูปแบบ ผมเชื่อว่าใครที่ดูเกมนี้อยู่คงรู้สึกเหมือนกันว่าเห็นความทุ่มเทสุดหัวใจและแววตาสู้ไม่ถอยของนักเตะเลเวอร์คูเซ่นทุกคนอย่างนี้แล้วไม่อยากให้พวกเขาแพ้เลยจริง ๆ

ยิงไม่เข้าก็พยายามใหม่ เสียบอลก็ไล่แย่งบอลเอามาบุกใหม่ ยิงติดบล็อกออกหลังก็รีบวิ่งไปเล่นลูกเตะมุม ถูกสกัดออกข้างก็รีบเอาบอลมาทุ่ม ยิงติดเซฟของ โอลิเวอร์ เบามันน์ ที่ผีเข้าก็ไม่ย่อท้อ โหมเร่งเกมเข้าไปอีก

หายใจหอบเหนื่อย แต่แววตามุ่งมั่นแรงกล้า

ผมชอบวิธีคิดของนักเตะเลเวอร์คูเซ่นที่แสดงออกมาในเกม อดชื่นชมไปถึงเจ้านายของพวกเขาอย่าง ชาบี อลอนโซ่ ไม่ได้ คุณทำได้ยังไงถึงสอนให้นักเตะฉลาดเล่นได้อย่างนี้

คำว่าฉลาดเล่นของผมคือนักเตะเลเวอร์คูเซ่นเลือกเล่นในแต่ละจังหวะได้เหมาะสมเหลือเกิน ไม่เพียงแค่เทคนิคและแท็กติกที่ครบและพร้อมเท่านั้น แต่พวกเขายังใช้สมองคิดและอ่านเกมทั้งของตัวเองและคู่แข่งตลอดเวลา

ที่สำคัญคือการควบคุมสภาวะจิตใจ เยือกเย็น ไม่รีบร้อน ในเกมที่กำลังเร่งเครื่องเต็มที่

ฟังดูเหมือนย้อนแย้งกันนะครับ เยือกเย็น ไม่รีบร้อน ในเกมที่กำลังเร่งเครื่อง.. แต่มันเป็นอย่างนั้นเลย คือเกมของเลเวอร์คูเซ่นเร็วจี๋ เข้าทำด้วยเกียร์ห้า เหยียบคันเร่งมิด เพื่อให้คู่แข่งตั้งหลักรับมือยากที่สุด

ระวังทางนี้อยู่ เผลอแผล็บเดียวบอลไปทางนั้นแล้ว ระวังตัวนี้อยู่ แต่ในฉับพลันตัวใหม่โผล่เข้ามาในเฟรมแล้ว

แต่ในเกมที่เร็วเหมือนกำลังอยู่ในสนามแข่งรถเอฟวันนั้น นักเตะเลเวอร์คูเซ่นคิดเร็วยิ่งกว่า.. พวกเขาเลือกเล่นแต่ละช็อตอย่างไหลลื่น เป็นธรรมชาติ จนสามารถใช้คำว่าเล่นแบบอัตโนมัติก็ยังได้

คิดเร็ว ทำเร็ว รับมือยากเพราะมีการเข้าทำทุกรูปแบบ

ที่ผมชอบมากคือการเล่นกับจังหวะ คุณไม่จำเป็นต้องสัมผัสบอลตลอดเวลาก็ได้ แค่ปล่อยให้บอลไหลผ่านตัวไปก่อน หรือขยับหลอกด้วยร่างกายโดยไม่ต้องเล่นบอล หรือจะเล่นคร่อมจังหวะก็ได้ แต่หัวใจสำคัญคือการครองบอลยังเป็นของคุณ

รวมทั้งการเล่นกันเป็นทีม การให้บอลเพื่อนแล้วตัวเองพุ่งไปข้างหน้าที่ดูเหมือนง่าย ๆ แต่มันคือประสิทธิภาพ เพราะการวิ่งตัวเปล่าของคุณจะเพิ่มความลังเลให้คู่แข่ง เป็นการเปิดโอกาสทั้งทางพื้นที่และเวลาคิดให้เพื่อนคนที่รับบอลไปในตัว

ไม่แปลกใจเลยว่าเคล็ดลับความสำเร็จในผลงานของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ฤดูกาลนี้มาจากการเชื่อมั่นในตัวเอง อลอนโซ่ย้ำกับลูกทีมอยู่เสมอว่าอย่าหวั่นไหว ให้เชื่อในตัวเองเข้าไว้.. เชื่อจนวินาทีสุดท้าย

อย่าวิตกไปกับสถานการณ์ที่ไม่เป็นใจ อย่ากังวลไปกับสกอร์ที่ตกเป็นรอง อย่าตื่นกลัวไปกับโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าที่หลุดลอยหรือสงสัยในเทพีแห่งโชคที่ทำท่าว่าจะอยู่ฝ่ายตรงข้าม แต่จงเชื่อมั่นในตัวเอง เล่นในแบบที่เป็นตัวเองต่อไป

ขอเพียงอย่าสงสัยในวิธีการที่กำลังทำอยู่ เรากำลังทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุดอยู่แล้ว เราซ้อมกันมาอย่างนี้ เตรียมความพร้อมสำหรับเกมนั้น ๆ มาอย่างนี้ ฉะนั้นจงเชื่อและศรัทธาในสิ่งที่ทำ

เชื่อมั่นในตัวเอง เชื่อมั่นในเพื่อนร่วมทีม เชื่อมั่นในวิธีการที่เตรียมกันมา มุ่งมั่นไม่ท้อถอยเข้าไว้ แล้วผลลัพธ์จะออกมาเอง

มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เกมแล้วเกมเล่า รวมถึงนัดล่าสุดกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ นี้ด้วยที่ประตูตีเสมอ 1-1 เกิดขึ้นในนาทีที่ 88 และประตูแซง 2-1 ตามมาในนาที 90+1

น้ำตาของ เฟร์นานโด การ์โร ซีอีโอ รอยยิ้มของ ไซมอน โรลเฟส ผู้อำนวยการกีฬา

การกำหมัดสะใจ โล่งอก และยินดีของ อลอนโซ่ การกอดกันกลมของทีมงานสตาฟฟ์และตัวสำรอง

นักเตะเลเวอร์คูเซ่นที่วิ่งแหกปากดีใจกันพล่านอยู่ในสนาม เราทำได้อีกครั้งแล้ว

บุกเข้าไป ยังทำไม่ได้ก็บุกเข้าไป

บุกเข้าไปอีก ยังยิงไม่ได้ก็บุกเข้าไปอีก

บุกและบุกและบุก เพิ่มความเข้มข้นขึ้นไปเท่าที่ตัวเองจะใส่ได้สุด ด้วยวิธีทั้งหมดที่พวกเรารู้จัก

บุกเข้าไปด้วยฟุตบอลของเรา.. เชื่อมั่นจนวินาทีสุดท้าย ได้ผลหรือไม่ได้ผลยังไม่ต้องไปสนใจ

ด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้าและเป็นหนึ่งเดียวของทุกคนที่เลเวอร์คูเซ่น จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีใครต้านทานพวกเขาได้ตลอดรอดฝั่งสักราย

นำห่าง 13 คะแนนกับ 7 เกมที่เหลือ ชาบี อลอนโซ่ และทีมของเขาต้องการอีกเพียง 9 แต้มเท่านั้นสำหรับวันแห่งประวัติศาสตร์ของสโมสร

คู่ควรแล้วครับ.. ยิ่งได้เห็นการเล่นของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และแคแร็กเตอร์ที่พวกเขาแสดงออกมาในแต่ละเกมก็ยิ่งยินดีที่จะพูดคำนี้ออกมาอย่างเต็มปาก

คู่ควรแล้วครับ.. คู่ควรแล้วจริง ๆ

-ตังกุย-


ที่มาของภาพ : gettyimages
BY : ตังกุย
ณัฐพล ดำรงโรจน์วัฒนา
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport