จุดที่ ชาบี อลอนโซ่ ยืนอยู่ตอนนี้นับเป็นเรื่องน่าประหลาดใจกับการพา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ตระหง่านจ่าฝูง บุนเดสลีกา
อดีตกองกลาง ลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค วัย 41 ปีเพิ่งเข้ามารับงานที่ ไบ อารีน่า เมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้วเองนะครับ แต่สามารถยกระดับ "ห้างขายยา" จากทีมท้ายตารางมาสู่การลุ้นถาดแชมป์ลีกสูงสุด เยอรมนี
ถามว่าเป็นเรื่องประทับใจมากน้อยแค่ไหน?
ก็ต้องบอกว่าน่าประทับใจมาก ๆ
สำหรับ อลอนโซ่ การมาคุม เลเวอร์คูเซ่น คือทางเลือกที่ชาญฉลาด เพราะด้วยคุณภาพของผู้เล่น เลเวอร์ฯ ที่มีตอนนี้ต่อให้ซีซั่นก่อนต้องเอาตัวรอดจากการตกชั้นก็ตาม
การคุมทีมซ้อมของ อลอนโซ่ เขาจะลงไปอยู่ในสนาม และพูดคุยกับคนอื่น ๆ
เขาจะเปิดบอลให้ทุกคนดูเพื่อให้ลูกทีมรู้ว่าพวกเขาต้องวิ่งไปยังจุดไหน
ในฐานะนักเตะที่ได้แชมป์มาเกือบทุกรายการ อลอนโซ่ จึงเป็นโค้ชที่มีทั้งแทคติกที่แข็งแกร่ง และเทคนิคที่ยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นเรื่องหาได้ยากที่กุนซือคนหนึ่งจะมีทั้งสองอย่างนี้รวมกัน
ที่สำคัญ เขาเป็นแบบอย่างให้บรรดาผู้เล่นในทีมได้ดีด้วย
ก่อนมาอยู่ เลเวอร์คูเซ่น โปรไฟล์ของ อลอนโซ่ ก็ไม่ได้เลิศเลอมากนัก เขาคุมแค่ เรอัล โซเซียดาด เบ ผ่านโควตาที่เคยเป็นนักเตะ
จะว่าไป เฟร์นานโด การ์โร่ ซีอีโอ เลเวอร์คูเซ่น ชาวสแปนิช เหมือนเป็นสะพานเชื่อมโยงที่พา อลอนโซ่ มาที่นี่ได้
แม้ อลอนโซ่ จะยังไม่มีประสบการณ์มากเท่าไหร่ แต่ด้วยการที่เขาซึมซับแนวทางการทำทีมมาเยอะตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาจึงเป็นที่หมายปองในลิสต์ผู้จัดการทีมของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่
การเคยเล่นภายใต้คำสอนจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, ราฟาเอล เบนิเตซ, โชเซ่ มูรินโญ่ และ คาร์โล อันเชล็อตติ พาให้เขาได้รับคำยกย่องจากหลายคนในวงการฟุตบอลว่า ชาบี อลอนโซ่ ดีพอที่จะรับงานโค้ชได้
"หมอนี่จะไปรุ่งแน่ ๆ" ทุกคนต่างคิดกันแบบนั้น
บรรดาสโมสรที่มีหัวก้าวหน้าซึ่งกำลังมองหากุนซือดาวรุ่งต่างให้ความสนใจในตัว อลอนโซ่ แต่ เลเวอร์คูเซ่น ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม
ตอนคุม เรอัล โซเซียดาด เบ อลอนโซ่ ทำทีมตกชั้นไปเล่นในลีกระดับ 3 ของสเปนก็จริง แต่ก่อนหน้านั้นเขาเป็นคนพาทีมเลื่อนชั้นสู่ เซกุนด้า ดิวิชั่น หรือลีกระดับ 2 ของสเปนได้
ซึ่งเป็นหนแรกในรอบ 60 ปีที่ทีมชุด เบ ของ เรอัล โซเซียดาด ได้เล่นในลีกระดับนั้น
ขุมกำลังทีมของเขาตอนนั้นมีอายุเฉลี่ยแค่ 21.4 ปี นับว่าอายุน้อยมาก ๆ ท่ามกลางเพื่อนนร่วมลีกที่เต็มไปด้วยสโมสรใหญ่ เขาทำให้ทีมเล่นได้ดี ครองบอลได้เหนียวแน่น และไม่กลัวอะไรทั้งนั้น
ทีมของ อลอนโซ่ ครองบอลเป็นตัวเลขระดับ 70 เปอร์เซ็นต์หลายเกม ดังนั้นแม้ว่าท้ายที่สุด เขาจบกับ เรอัล โซเซียดาด เบ ไม่สวยตามที่หวัง แต่การที่เขาเคยพาทีมขึ้นไปเล่นในลีกระดับ 2 ได้ และทำให้ทีมเล่นตามแบบที่ตัวเองต้องการ แสดงให้เห็นว่าในฐานะโค้ช อลอนโซ่ มีบุคลิกและเอกลักษณ์ที่ดีเอามาก ๆ
เป๊ปสไตล์ คือหนึ่งในตัวอย่างที่ชัดเจนกับแนวทางการคุมทีมของ อลอนโซ่
ที่ เลเวอร์คูเซ่น เป็นทีมที่เน้นการครองบอล แต่เวลาไม่ได้ครองบอล นักเตะแต่ละคนยืนตำแหน่งได้ดีมาก ๆ
ฤดูกาลนี้ เลเวอร์ฯ ดันแนวขึ้นไปสูงเมื่อเทียบกับซีซั่นก่อน ๆ พวกเขาขึ้นไปกดดันคู่แข่งตั้งแต่ในแดนของอีกฝ่าย
เมื่อเสียบอลพวกเขาจะอยู่ในตำแหน่งที่สามารถแย่งบอลกลับมาได้ในทันที และสามารถทำได้ในพื้นที่ที่ดีต่อการเข้าไปทำประตู
ข้อมูลระบุอย่างชัดเจนว่าฤดูกาลนี้ เลเวอร์คูเซ่น ขยับแนวขึ้นไปสู่กว่าเดิมราว 5 เมตร
เลเวอร์คูเซ่น แย่งบอลมาครองตั้งแต่ในพื้นที่สุดท้ายของคู่แข่งได้มากกว่าแต่ก่อน
นั่นแหละคือสไตล์แบบ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
มันคือสไตล์ที่เน้นการครองบอลและคุมเกมให้ได้ในตอนที่ได้ครองบอล
ขณะที่ตอนไม่ได้ครองบอล ทีมก็ต้องอยู่ในสภาพที่เหมาะสมเพื่อทำให้มั่นใจว่าจะไม่โดนคู่แข่งเล่นงานในจังหวะสวนกลับเร็ว
ส่วน มูรินโญ่ สไตล์ ที่เน้นการรักษาสกอร์ ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าหลังจากนี้เราจะเริ่มเห็นอะไรแบบนั้นบ้างหรือเปล่า อาจเป็นสไตล์ที่มีประโยชน์ถ้า เลเวอร์คูเซ่น ยังได้ลุ้นแชมป์ลีกอยู่
ในด้านแทคติก อันเชล็อตติ เป็นโค้ชที่เก่งมาก ๆ เรื่องการสร้างความอันตรายด้วยการให้นักเตะหลายคนเล่นในแบบที่มี วินิซิอุส จูเนียร์ เป็นแกนกลาง เพื่อที่แข้งเหล่านั้นจะช่วยทำให้ วินิซิอุส จูเนียร์ โชว์ฟอร์มที่ดีที่สุดออกมาได้
ซึ่งที่ เลเวอร์คูเซ่น เราอาจจะเห็นอะไรแบบนั้นผ่านทาง ฟลอเรียน เวิร์ทซ์ หรือไม่ก็ อเล็กซ์ กริมัลโด้ ที่อยู่ทางฝั่งซ้าย คอยดูว่าหลังจากนี้จะออกมาในทิศทางไหน
เลียม ธาร์ม เคยเขียนบทความตั้งประเด็นว่ากองกลางตัวโฮลด์บอลหลายคนกลายมาเป็นกุนซือได้
มีการวิจัยจนพบว่าในบรรดานักเตะที่ผันตัวมาเป็นกุนซือนั้น มีถึง 42 เปอร์เซ็นต์ที่เคยเป็นกองกลาง
ถ้าคุณอยากได้ใครสักคนมาบอกว่าคุณต้องไปตรงไหน, ต้องทำอะไร และต้องปรับปรุงการเล่นตรงจุดไหนแล้วล่ะก็ มิดฟิลด์ตัวโฮลด์บอลถือเป็นตำแหน่งที่จะทำให้คุณได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวคุณได้ คุณจะเข้าใจเกมได้มากขึ้น
เป๊ป เคยพูดไว้ว่า -ถ้าคุณเป็นกองหน้า คุณก็มักจะคิดถึงเรื่องการยิงประตูให้ได้เป็นหลัก แต่ถ้าคุณเป็นกองกลาง คุณต้องรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้างทั่วทั้งสนาม, ต้องยืนตรงจุดไหน-
ต่อจากนี้มีโอกาสเกิดอะไรขึ้นบ้างกับ อลอนโซ่ ?
ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมามันมีข่าวลือว่าหลายทีมอยากได้ตัวเขา ซึ่งถึงแม้จะยังอยู่กับ เลเวอร์คูเซ่น แต่ทาง เลเวอร์คูเซ่น อาจจะคิดก็ได้ว่า -เรารู้ดีว่ามันจะไม่เป็นแบบนั้นไปตลอด-
พวกเขามองโลกตามความเป็นจริง พวกเขารู้ดีว่ากุนซือหน้าใหม่ไฟแรงที่เนื้อหอมมาก ๆ นั้นจะไม่เสียช่วงชีวิตที่ดีที่สุดในระยะเวลา 10 ปีของการคุมทีมไปกับการแค่ เลเวอร์คูเซ่น ทีมเดียว
อลอนโซ่ จะมีความทะเยอทะยานสูง เขาจะอยากได้แชมป์หลายต่อหลายรายการ เขาจะอยากได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก และกับที่ เลเวอร์คูเซ่น มันทำแบบนั้นได้ยากเมื่อเทียบกับทีมอื่น ๆ
ท้ายสุดแล้วคุณจะอยากทำงานกับบรรดานักเตะที่เก่งที่สุดของโลก และอยากทำงานกับสโมสรที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมถึงทำเงินจากการเป็นโค้ชให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อีกด้วย
แม้ว่าเรื่องเงินอาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญมากนักสำหรับ อลอนโซ่ เพราะเขาก็โกยเงินบนระดับสูงสุดมา 20 ปี
เลเวอร์คูเซ่น ทราบดีว่าหาก เรอัล มาดริด, บาเยิร์น มิวนิค หรือสโมสรในระดับนั้นติดต่อเข้ามา มันเป็นเรื่องยากที่ อลอนโซ่ จะปฏิเสธข้อเสนอเหล่านั้นได้ลง
ต่อให้ อลอนโซ่ ไม่ได้มีเงื่อนไขฉีกสัญญากับทีม แต่ทาง เลเวอร์คูเซ่น คงไม่รั้งไว้แน่ ถ้าตัวเทรนเนอร์ต้องการจะไป
อย่างไรก็ตาม พวกเขาคงพยายามเรียกค่าชดเชยให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะมันมีทีมมากกว่าเดิมที่ตระหนักว่ามูลค่าของโค้ชแบบเขามันอยู่ในระดับไหน
ปัจจัยสำคัญไม่ได้อยู่กับความสำเร็จด้านกีฬาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมูลค่าของนักเตะที่ทำงานด้วยเช่นกัน
กุนซือที่เก่งมาก ๆ จะทำให้นักเตะเก่งขึ้นจนทำให้มูลค่าของนักเตะเหล่านั้นเพิ่มขึ้นไปด้วย
ในวงการฟุตบอล โค้ชที่ทำให้นักเตะที่มีค่าตัวระดับ 10 ล้านยูโร กลายเป็นคนที่มีมูลค่าระดับ 50 ล้านยูโร ได้ภายในช่วงเวลาเพียง 1 หรือ 2 ปี ถือเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่ากุนซือคนนั้น ๆ เก่งแค่ไหน
สโมสรฟุตบอลต่าง ๆ ไม่มีวิธีไหนที่จะหาเงินเข้าสโมสรได้ดีกว่าการขายนักเตะหรือตัวกุนซือ นอกจากว่าจะได้รับเช็กจากเจ้าของสโมสรที่มาจาก ดูไบ หรือ อาบู ดาบี
ดังนั้น เลเวอร์คูเซ่น เลยรู้ดีว่าพวกเขาอยากได้เงินที่สมน้ำสมเนื้อ ถ้ามีการยื่นข้อเสนอเข้ามาในช่วงซัมเมอร์นี้ จาก เรอัล มาดริด แล้วล่ะก็ เลเวอร์คูเซ่น คงจะไม่ขวางทางเขา ซึ่งมีโอกาสสูงมาก ๆ ที่จะมีทีมทาบทาม อลอนโซ่ หลังจบซีซั่นนี้
แล้วเรื่องความเป็นไปได้ที่จะกลับมายัง ลิเวอร์พูล ในฐานะผู้จัดการทีมล่ะ ?!
ธอม แฮร์ริส นักเขียน ดิ แอธเลติก เผยมุมมองว่า บาเยิร์น มิวนิค กับ ลิเวอร์พูล ก็ยังมี เรอัล มาดริด ที่เป็นทางเลือก
"ตอนนี้ ลิเวอร์พูล กำลังอยู่ในช่วงผลัดเปลี่ยนภายใต้การคุมทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์"
"พวกเขาชอบเล่นเกมสวนกลับเร็วเป็นหลัก พวกเขาชอบเล่นฟุตบอลแบบที่เขาเรียกบ่อย ๆ ว่าเป็นสไตล์เฮฟวี่เมทัล พวกเขาจำเป็นต้องการเวลาสำหรับการผลัดเปลี่ยนมากกว่านี้อีกหน่อยถ้าจะให้ อลอนโซ่ ไปรับงานกับที่นั่น"
"แต่ทั้งคู่ต่างก็เป็นตัวเลือกที่ดี เขาเคยเป็นนักเตะของทั้ง 2 ทีมนั้น(ลิเวอร์พูล, มาดริด) และมีประวัติที่ยิ่งใหญ่กับทั้งคู่ มันไม่สำคัญหรอกว่านี่จะเป็นการรับงานกับทีมใหญ่ครั้งแรกของเขา เพราะเขาเป็นที่เคารพจากคนที่เกี่ยวข้องกับ 2 ทีมนั้นอยู่แล้ว ต่อให้เขาจะต้องคุมนักเตะแบบ จู๊ด เบลลิงแฮม แต่คุณก็ก็รู้ดีว่านักเตะแบบนั้นจะมองเขาเป็นแบบอย่าง เพราะเขาคือ ชาบี อลอนโซ่"
"เขายังมีความสามารถด้านเทคนิคที่ดีอยู่ ดังนั้นเขาเลยสามารถแสดงให้บรรดานักเตะเห็นได้ว่าเขาต้องการอะไรจากบรรดาลูกทีมในตอนซ้อม"
"พวกเขาจะเคารพสิ่งแบบนั้น ซึ่งเมื่อเอาไปรวมกับความฉลาดของเขา, เอกลักษณ์ของเขา และสิ่งที่เขาเคยทำได้ในวงการฟุตบอลแล้วล่ะก็ ผมเชื่อว่าเขาจะประสบความสำเร็จได้ไม่ว่าเขาจะไปรับงานกับทีมไหนก็ตาม" แฮร์ริส กล่าวปิด
HOSSALONSO