อย่างที่เขียนถึงไปเมื่อวานนี้นะครับ บุนเดสลีกาในวันปิดฤดูกาลมีดราม่าเผ็ดร้อนเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆ
ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ได้เปรียบแค่ไหน.. 90 นาทีสุดท้าย 50 นาทีสุดท้าย 20 นาทีสุดท้าย หรือกระทั่งวินาทีสุดท้าย คุณยังมั่นใจอะไรไม่ได้เลยจนกว่าทุกอย่างจะจบแล้วจริงๆ
ผมคิดว่าหลายคนคงมีความทรงจำที่ชัดเจนของตัวเองสำหรับเกมปิดฤดูกาล ไม่จำเป็นต้องเฉพาะเจาะจงว่าลีกไหนหรือสถานการณ์ใด บางคนจำการคว้าแชมป์ของอาร์เซน่อลที่แอนฟิลด์เมื่อปี 1989 บางคนจำประตูของ เซร์คิโอ อเกวโร่ เมื่อฤดูกาล 2011/12 หรือบางคนอาจจะจำ The great escape ของเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ฤดูกาล 2004/05 ได้ชัดกว่า
บางคนจำแชมป์ของบาร์เซโลน่าบนคราบน้ำตาของ เดปอร์ติโบ ลา กอรุนญ่า ฤดูกาล 1993/94 หรือบางคนก็จำการคว้าแชมป์ของลาซิโอเหนือยูเวนตุสและสายฝนที่เทกระหน่ำฤดูกาล 1999/2000
ผมเองก็เช่นกันครับ มีวันปิดฤดูกาลที่อยู่ในความทรงจำมากมาย ที่จำได้เพราะความระหกระเหินพลิกผันกันสุดๆ จนบางครั้งแทบไม่อยากเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง หากเป็นนิยายหักมุมคลาสสิกที่ใครสักคนใช้ปากกาวิเศษเขียนขึ้นมามากกว่า
กับบุนเดสลีกาค่ำคืนนี้ ผมเอาใจช่วย โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ให้ทำได้ โจทย์ของพวกเขาไม่ซับซ้อนอะไร แค่ชนะ ไมนซ์ ต่อหน้าแฟนบอลแห่ง Yellow wall ของตัวเองให้ได้เท่านั้นก็พอ หรือถ้าพลาดเสียแต้มก็ยังมีลุ้นอีกขยักให้ บาเยิร์น มิวนิค ชนะไม่ได้ที่ โคโลญจน์
บาเยิร์น มิวนิค.. อีกแล้ว
กับดราม่าลุ้นแชมป์บุนเดสลีกาวันสุดท้าย ผมยังจำวีรกรรมของ บาเยิร์น มิวนิค ได้ดี ฤดูกาล 1999/2000 ทำกับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น และฤดูกาล 2000/01 ทำกับ ชาลเก้ 04
สองปี สองแชมป์ สองโกงความตาย แต่นั่นแหละ บาเยิร์น มิวนิค ของ อ๊อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ เขาล่ะ
บาเยิร์นปาดเอาโล่แชมป์ไปครองในวินาทีสุดท้าย จากสถานการณ์ก่อนลงเตะที่แตกต่างกัน
ฤดูกาล 1999/2000 เป็นรอง.. ต้องเอาชนะ แวร์เดอร์ เบรเมน แล้วลุ้นให้ เลเวอร์คูเซ่น แพ้อุนเตอร์ฮัคคิงก์เท่านั้นเพื่อแซงคว้าแชมป์ด้วยผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า
ฤดูกาล 2000/01 เป็นต่อ.. ขอเพียงแค่เสมอฮัมบูร์กเท่านั้นก็จะเป็นแชมป์ ไม่ต้องสนผลอีกคู่ที่ ชาลเก้ 04 เตะกับอุนเตอร์ฮัคคิงก์
แล้วผลที่ออกมามันก็ดราม่าหนักๆ ทั้งสองคราวด้วยความสมหวังเป็นของบาเยิร์นเจ้าเดียว ลูกฟรีคิกของ พาทริก อันเดอร์สสัน ตีเสมอฮัมบูร์กนั้นเกิดขึ้นแทบจะในวินาทีสุดท้าย ตอนที่แฟนบอลราชันสีน้ำเงินวิ่งลงมาฉลองกันเต็มสนามเฟลตินส์ อารีน่า ที่อยู่ห่างลงไป 350 กิโลเมตรทางตะวันตกเฉียงใต้
ไม่ต้องเป็นคอบอลเมืองเบียร์ก็คงน่าจะจำสองเหตุการณ์นี้ได้นะครับ
แต่อีกหนึ่งในเกมปิดฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมที่สุดสำหรับผมต้องยกให้ฤดูกาล 1991/92 ที่มั่นใจเช่นกันว่าอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลหลายคน เพราะคืนนั้นมีการถ่ายทอดสดกลับมาที่เมืองไทยด้วย เสียงบรรยายอย่างตื่นเต้นของคุณอาบิ๊กจ๊ะ คุณอาช่อคูน และคุณอา ก.ป้อหล่วน ล้อไปกับสถานการณ์ที่ตึงเครียดเฉียดไปเฉี่ยวมาในคืนนั้นคือที่สุดของที่สุด
พูดหยาบๆ หน่อยก็คือ.. แม่งโคตรมันอะ
ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท มี 50 คะแนนเท่ากันก่อนลงสนามนัดสุดท้ายโดย แฟร้งค์เฟิร์ต มีผลต่างประตูได้เสีย +36 สตุ๊ตการ์ท +29 และดอร์ทมุนด์ +18
ฤดูกาลนั้นบุนเดสลีกายังใช้ระบบชนะได้ 2 คะแนน และเตะกัน 38 นัดครับเพราะเยอรมันเพิ่งจะรวมชาติ บุนเดสลีกาจึงรับเอาทีมจากเยอรมันตะวันออกคือ ฮันซ่า รอสต๊อค และ ดินาโม เดรสเดน มาร่วมลีกด้วยแต่ก็กำหนดทีมตกชั้นไว้ถึง 4 ทีมเพื่อลดจำนวนกลับไปเหลือ 18 ทีมตามเดิมในฤดูกาลถัดไป
ในเกมปิดฤดูกาลทั้ง แฟร้งค์เฟิร์ต สตุ๊ตการ์ท และดอร์ทมุนด์ ต้องออกไปเยือนคู่แข่งทั้งหมด
แฟร้งค์เฟิร์ตของเทรนเนอร์ ดราโกสลาฟ สเตปาโนวิช และขุนพลตัวเอกอย่าง อันโธนี่ เยบัวห์ มีภาษีดีกว่าใครเพราะไปเยือน ฮันซ่า รอสต๊อค ที่ตกชั้นไปแล้ว
สตุ๊ตการ์ทของ คริสโตฟ ดอย์ม และดาวซัลโว ฟริตซ์ วอลเตอร์ ไปเยือน ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
และดอร์ทมุนด์ของ อ๊อตม่าร์ ฮิตซ์เฟลด์ ที่มียอดดาวยิงอย่าง สเตฟาน ชาปุยซาต์ ไปเยือนดุ๊ยส์บวร์ก
โล่แชมป์ถูกทำจำลองขึ้นอีก 2 ใบเพื่อไปประจำการเตรียมพร้อมทำพิธีรับแชมป์ที่ทั้ง 3 สนาม ผมเข้าใจมาตลอดว่าบุนเดสลีกาเลือกได้ฉมังมากให้มันไปอยู่ที่ อูลริช-ฮาเบอร์ลันด์ สตาดิโอน ของเลเวอร์คูเซ่น ไม่รู้ว่าได้ยินหรือได้อ่านมาจากไหน มาคิดๆ ดูอีกทีมันควรจะไปอยู่ที่รอสต๊อคมากกว่า ตรงนี้ใครที่รู้ข้อมูลที่แท้จริงช่วยบอกกล่าวกันก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่งครับ
แล้ว 90 นาทีแห่งความตื่นเต้นระทึกใจก็มาผ่านไป มันคือคืนที่ผมรู้สึกเต็มอิ่มกับฟุตบอลมาก เกมสนุก บรรยากาศเยี่ยม สถานการณ์เร้าใจท้องไส้ปั่นป่วนราวกับนั่งรถไฟเหาะตีลังกาไปด้วย และการบรรยายของคุณอาทั้งสามที่สุดติ่งไปเลย
นาทีที่ 0
------------
นาทีที่ 9
------------
นาทีที่ 20
นาทีที่ 43
------------
นาทีที่ 65
------------
นาทีที่ 67
นาทีที่ 86
------------
นาทีที่ 89
------------
จบเกม
ย้อนกลับไปคิดถึงมันอีกครั้งก็ยังเป็นความรู้สึกที่ชัดเจนมาก การถ่ายทอดสดฟุตบอลในเวลานั้นยังไม่ได้มีมากมาย การรับรู้ข่าวสารก็ไม่ได้มีช่องทางหลากหลาย ชีวิตยังเป็นระบบอนาล็อกไม่ใช่ดิจิตอล การรอคอยเป็นเรื่องปกติ
การถ่ายทอดสดฟุตบอลเยอรมันที่ตัดภาพไปมาจากทั้ง 3 สนามยามที่มีเหตุการณ์สำคัญหรือจังหวะหวาดเสียวพร้อมเสียงบรรยายที่ตื่นเต้นร่วมไปกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงจึงเปี่ยมล้นไปด้วยอรรถรสในการรับชมจริงๆ ผมคิดว่าใครที่ร่วมสมัยทันดูการถ่ายทอดสดลุ้นแชมป์ในวันนั้นก็คงรู้สึกคล้ายๆ กัน
ช่วงเวลา 20 นาทีสุดท้ายคือช่วงที่หัวใจเต้นรัวราวกับจะหลุดออกมาจากอก ทุกประตูที่เกิดขึ้นสามารถพลิกโฉมหน้าแชมป์ได้ทันที โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ กีโด้ บุควัลด์ ทะยานโขกประตูนั้นก่อนหมดเวลา 4 นาทีพาสตุ๊ตการ์ทขึ้นไปนั่งบัลลังก์จ่าฝูงเป็นครั้งแรกทุกอย่างก็เหมือนระเบิดออกมาตูมใหญ่
เวลาที่เหลือหลังจากประตูของบุควัลด์คือความโกลาหลอย่างแท้จริง ดอร์ทมุนด์ทำอะไรไม่ได้มากกว่ารอลุ้นให้คู่แข่งพลาดอย่างเดียว แต่โจทย์สำคัญคือแฟร้งค์เฟิร์ต ถ้าทีมอินทรีแดงดำทำประตูแซงนำรอสต๊อคได้ แชมป์บุนเดสลีกาจะสวิงกลับไปอยู่กับพวกเขาอย่างที่เป็นก่อนเริ่มเกม
แต่แล้วในที่สุดทุกอย่างก็คลี่คลายด้วยประตูนำอีกครั้งของรอสต๊อคก่อนหมดเวลานาทีเดียว แฟร้งค์เฟิร์ตโหมสุดตัวจนโดนเจ้าถิ่นจากเยอรมันตะวันออกลงโทษ รอสต๊อคตกชั้นแต่ยังไว้ลายสั่งลาบุนเดสลีกาด้วยการหักปีกอินทรีแดงดำ
สตุ๊ตการ์ทเข้าป้ายเป็นแชมป์ในการลุ้นที่ระทึกใจที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเมืองเบียร์
คลาสสิก.. และอิ่มเอม
มานับนิ้วดูมันก็ 31 ปีเข้าไปแล้วนะครับ แต่กระทั่งทุกวันนี้ผมยังคิดถึงความสนุกในคืนนั้นอยู่เลย เป็นความทรงจำที่ไม่มีวันลืมจริงๆ
ตังกุย