ทีมชาติ อังกฤษ จะทำศึก ยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศปะทะกับ เนเธอร์แลนด์ ในวันพุธที่ 10 ก.ค.นี้
ในฐานะหนึ่งในทีมเต็งแชมป์ของทัวร์นาเมนต์ ทีม สิงโตคำราม จึงถูกมองว่ามีภาษีเหนือกว่า อัศวินสีส้ม แม้ แกเร็ธ เซาธ์เกต จะยังคุมทีมโชว์ฟอร์มได้อย่างไม่น่าประทับใจ
ต่อกรณีดังกล่าว นายใหญ่ ทรี ไลอ้อนส์ ยืนยันว่าเกมฟุตบอลฟุตบอลแบบทัวร์นาเมนต์ การคว้าผลลัพธ์สำคัญกว่าฟอร์มในสนาม
จะอย่างไรก็ตาม ก่อนที่ อังกฤษ จะฟาดแข้งในรอบตัดเชือกเป็นครั้งที่หกของทัวร์นาเมนต์ใหญ่ เราจะย้อนอดีตไปดูผลงานทั้งห้าครั้งที่ผ่านมาของพวกเขายกเว้นฟุตบอล ยูโร ปี 1968 เนื่องจากการแข่งขันในระยะนั้นมีทีมเข้าร่วมฟาดแข้งทั้งหมดแค่สี่ทีมโดย อังกฤษ แพ้ ยูโกสโลวาเกีย 1-0 และได้ชิงอันดับสามซึ่งพวกเขาชนะ สหภาพโซเวียต 2-0
1. ฟุตบอลโลก ปี 1966 : อังกฤษ 2- โปรตุเกส 1
ทีมฝอยทองพกสถิติชนะรวดตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่มลงบู๊กับชาติเจ้าภาพ แถมพวกเขาสอยตาข่ายได้ 14 ประตูโดย 7 ประตูในจำนวนนี้มาจากฝีเท้าของ ยูเซบิโอ ยอดกองหน้าตัวกลั่น
กระนั้นก็ดี บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน สำแดงฝีเท้ากดสองเม็ดในแต่ละครึ่งเวลาพาทีม สิงโตคำราม นำหน้าก่อนที่ ยูเซบิโอ จะยิงตีไข่แตกจากการสังหารลูกโทษช่วงท้ายเกมเป็นเพียงประตูปลอบขวัญของ โปรตุเกส
หลังกำชัยในเกมรอบตัดเชือกได้ อังกฤษ ก็คว้าแชมป์โลกไปครองจากการเอาชนะ เยอรมันตะวันตก 4-2 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
2. ฟุตบอลโลก ปี 1990 : เยอรมันตะวันตก 1- อังกฤษ 1 (เยอรมันตะวันตกชนะการดวลลูกโทษ 4-3)
ทุกคนคงจำได้ว่า พอล แกสคอยน์ ร่ำไห้ออกมาหลังจากทีม สิงโตคำราม พลาดการเข้าชิงชนะเลิศโดยพ่ายการดวลลูกโทษให้กับ อินทรีเหล็ก ซึ่งมีกิตติศัพท์ช่ำชองในด้านนี้
อังกฤษ ตีเสมอได้ก่อนหมดเวลาสิบนาทีจากฝีเท้าของ แกรี่ ลินิเกอร์ หลังจาก อันเดรียส เบรห์เม่ พังประตูให้ทีมเมืองเบียร์ออกนำในนาทีที่ 60
กระทั่งในช่วงของการดวลลูกโทษ เบรห์เม่ กับ ลินิเกอร์ ซึ่งรับหน้าที่เป็นเพชฌฆาตรายแรกของทั้งสองทีมต่างก็ทำหน้าที่ได้ไม่พลาด จนในที่สุดหลังจาก เยอรมันตะวันตก ซึ่งได้ยิงก่อนรับผิดชอบหน้าที่ได้ทั้งสี่ราย สจ๊วร์ต เพียร์ซ ก็พลาดจนได้เมื่อซัดไปโดน โบโด้ อิล์กเนอร์ เซฟก่อนที่ คริส ว้อดเดิ้ล จะตะบันโด่งข้ามคาน
3. ฟุตบอล ยูโร ปี 1996 : เยอรมนี 1- อังกฤษ 1 (เยอรมนี ชนะการดวลลูกโทษ 6-5)
สองทีมคู่แค้นต้องตัดสินผลลัพธ์ด้วยวิธีการดวลลูกโทษอีกครั้ง และผู้ชนะยังเป็นทีมหน้าเดิมอีกตามเคย
อลัน เชียเรอร์ โขกให้เจ้าภาพออกนำตั้งแต่ไก่โห่นาทีที่ 3 แต่ สเตฟาน คุนท์ซ ตีเสมอให้ อินทรีเหล็ก ได้อย่างรวดเร็วในนาทีที่ 16 โดยในนาทีสุดท้ายของช่วงต่อเวลาพิเศษ แกสคอยน์ เกือบทำให้ทีม สิงโตคำราม กำชัยอยู่รอมร่อ
หลังจากต่างก็ยิงลูกโทษได้ไม่พลาดโดย เยอรมนี เช็กบิลได้ครบทั้งห้าคน แกเร็ธ เซาธ์เกต ปราการหลังนายใหญ่ ทรี ไลอ้อนส์ คนปัจจุบันก็ทำให้แฟนบอลทั้งประเทศอกหักคา เวมบลีย์
4. ฟุตบอลโลก ปี 2018 : โครเอเชีย 2- อังกฤษ 1 (หลังต่อเวลาพิเศษ)
ถึงตอนนี้ เซาธ์เกต ทำหน้าที่ขี่หลัง สิงโตคำราม แล้ว และแม้ คีแรน ทริปเปียร์ จะปั่นฟรีคิกให้ อังกฤษ นำเร็วตั้งแต่นาทีที่ 5 แต่พวกเขารักษาสกอร์ไม่ได้โดยถูก อีวาน เปริซิช ตีเสมอในนาทีที่ 68 ก่อนที่เกมจะต้องลากยาวไปจนถึงการต่อเวลาพิเศษ
จนในที่สุด มาริโอ มานด์ซูคิช ก็ปิดกั้นโอกาสเข้าชิงชนะเลิศของ อังกฤษ ด้วยการเป็นฮีโร่ของทีมตาหมากรุกในนาทีที่ 109
5.ฟุตบอล ยูโร ปี 2020 : อังกฤษ 2- เดนมาร์ก 1 (หลังต่อเวลาพิเศษ)
มิคเคล ดัมส์การ์ด พาทีมเมืองโคนมขึ้นนำในนาทีที่ 30 แต่อีกเก้านาทีต่อมา ซิมอน เคียร์ สกัดบอลเข้าประตูตัวเองคืนให้ สิงโตคำราม ตีเสมอ 1-1
จากผลเสมอทำให้เกมที่ เวมบลีย์ ต้องมีการต่อเวลาพิเศษอีกสามสิบนาที กระทั่งนาทีที่ 104 เคน พังประตูชัยให้ทีมได้ส่งผลให้สาวก ทรี ไลอ้อนส์ โล่งอกเป็นทิวแถวที่ทีมรักไม่ต้องดวลลูกโทษชี้ขาด
อย่างไรก็ดี ในนัดชิงชนะเลิศ อังกฤษ พลาดการคว้าแชมป์ ยูโร เป็นครั้งแรกจนได้เมื่อ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ เช็กบิลได้ในนาทีที่ 67 ตีเสมอประตูออกนำของ ลุค ชอว์ ตั้งแต่นาทีที่ 2 ก่อนที่ อัซซูรี่ จะกำชัยในการดวลลูกโทษตัดสินโดย มาร์คัส แรชฟอร์ด ,เจดอน ซานโช่ และ บูคาโย่ ซาก้า พากันยิงพลาดเรียบวุธหลังจาก เคน กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ซัดให้ สิงโตคำรามกุมความได้เปรียบก่อน