แฟนสวิสหน้าละอ่อนรายหนึ่งช่างเข้าใจคิดทำป้ายขึ้นมาชูขึ้นในสนามมีข้อความว่า "They think they are..." พร้อมด้วยรูปสิงโตหน้าตาดุร้ายสามตัว จากนั้นอีกบรรทัดแถวล่างเขียนไว้ว่า "What they really are..." กับรูปแมวน่ารักน่าชังสามตัว
ว่าไปมันก็เป็นเรื่องที่บางครั้งถือว่าถูกต้อง ที่ผ่านมาชาติที่ภูมิใจเรียกตัวเองว่ าHome Of Football ก็มักมีผลงานไม่ต่างจากแมวเลยทั้งที่โลโก้บนหน้าอกคือราชสีห์อันองอาจ
หากคราวนี้ย่อมไม่ใช่อย่างนั้นแน่
อย่างน้อยที่สุดทีมชาติอังกฤษ ก็นำพาตัวเองเข้าไปยืนอยู่ในรอบตัดเชือกร่วมกับ สเปน, ฝรั่งเศส และ เนเธอร์แลนดส์
บางคนอาจอยากเหน็บแนมว่า "เล่นแบบแมวๆดันเข้าไปได้"
อีกนั่นแหละย้อนไปแต่ไหนแต่ไรฟุตบอลก็มักมีช่องว่างให้ทีมที่ไม่ได้ถูกคาดหวัง, ทีมที่ดูไม่น่าไปรอดตลอดจนทีมที่ถึงครองบอลน้อยหรือสร้างโอกาสน้อยก็สามารถชนะได้
ทีมตราไก่ของ ดิดิเย่ร์ เดสช็องส์ ก็เช่นกันที่ทะลุมาเป็น 1 ใน 4 ทีมสุดท้ายได้ ด้วยฟอร์มที่ใครต่อใครก็พูดเสียงเดียวกันว่าน่าเบื่อ
ถามว่าใครบ้างแคร์?
มันก็เหมือนวลีอมตะของอดีตผู้นำจีนท่านหนึ่ง "แมวสีอะไรไม่สำคัญ ขอให้จับหนูได้พอ"
แฟนบอลอังกฤษที่แต่งตัวเป็นสิงโตมาสามคนอันอยากสื่อถึงยี่ห้อทรี ไลอ้อนส์
พลันที่นกหวีดยาวดัง เสียงเฮแผดลั่นจากกองเชียร์ทรีไลอ้อนส์โดยตอนนั้นเองที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต ก็เดินเข้าไปร่วมยินดีกับนักเตะ จากนั้นเขาก็มีเต้นตามเพลงที่เปิดผ่านลำโพงของสนาม จากนั้นเขาก็หันไปปรบมือขอบคุณแฟนบอลทุกคน
ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงกับ เซาธ์เกต นี่คือโมเมนต์ที่น่ายินดีสำหรับชายคนหนึ่งที่แบกรับความกดดันไว้หนักหน่วงตลอดแปดมานี้
เขาคือโค้ชคนที่สามเท่านั้นในประวัติศาสตร์ที่คุมอังกฤษครบ 100 เกม ต่อจาก วอลเตอร์ วินเตอร์บ่อตแธ่ม (139) และ เซอร์ อัล์ฟ แรมซี่ย์ (113)
เขาก็ยังสามารถนำพาประเทศชาติเข้ารอบรองฯ ได้เป็นครั้งที่ 3 จาก 4 ทัวร์นาเมนต์ ลองย้อนนับดูก็ได้ว่าที่ผ่านมาเคยมีใครทำได้เท่านี้บ้าง
บางทีที่สิงโตกลายร่างเป็นแมวก็เพราะหัวใจไม่แกร่งพอหรืออาจซ้อมไม่หนักพอ สถิติดวลลูกโทษจึงอ่อนหัด ทว่าสถิติในยุคเซาธ์เกตมีพัฒนาการขึ้นโดยเมื่อวันเสาร์ก็เป็นหนที่สามแล้วที่ชนะได้เมื่อต้องตัดสินถึงยิงเป้า
ยอมรับว่าอึดอัดเหมือนเดิมกับการตามดูอังกฤษ จากเกมแรกที่ เกลเซ่นเคียร์เช่น มาถึง ดุสเซลดอร์ฟก็ยังคงเป็นทีมที่ดูเนือยๆ เฉื่อยๆ แน่นอนว่าพวกเขาควรจะทำได้ดีกว่านี้ อย่างยิ่งในครึ่งหลังเกมกับสวิตเซอร์แลนด์นั้นที่ถ้าไม่ได้ลูกซัดนอกเขตของ บูกาโย่ ซาก้า ก็คงตกรอบไปแล้ว
คำถามย่อมมีมากมาย
แต่คำตอบมีเพียงหนึ่งเดียวดั่งที่พวกแฟนสิงโตยังได้โอกาสร้องเอาไว้หลังเกม "It's coming home, Football coming home"
ให้เครดิต เซาธ์เกต ก็เริ่มจากการปรับระบบมา 3-4-2-1 ที่ทำให้ภาพรวมทีมดูดีขึ้น ถึงจะไม่ได้ดีที่สุดแต่ก็ดีกว่าเกมรอบ 16 ทีมกับ สโลวาเกีย หลายคนบ่นทันทีตั้งแต่บอลเขี่ยได้แค่ไม่กี่นาทีพอเห็นตำแหน่งซาก้าไปยืนวิงแบ็กขวา ส่วน คีแรน ทริปเปียร์ ประจำการวิงแบ็กซ้าย
แต่รายละเอียดนั้นมาจากการศึกษาหมากของทีมแดนนาฬิกาแล้วว่าเกมรับฝั่งซ้ายมีช่องโหว่มากกว่าฝั่งขวา ตัวเซนเตอร์ฯฝั่งซ้าย ริคาร์โด้ โรดริเกวซ ติดชอบดันสูง ส่วนวิงซ้าย มิเชล เอบิสเชอร์ ก็ไม่แข็งแกร่งนักในเกมป้องกัน
นั่นเองตลอดเกมซาก้าถึงโดดเด่นที่สุดของทีม มี 3-4 ครั้งได้ที่ดาวเตะอาร์เซน่อลลากบอลถึงเส้นหลัง ประตูตีเสมอ 1-1 นาที 80 ก็มาจากการตัดเข้าในนี่แหละ ก็อยากให้นึกดูว่าถ้า ซาก้า ต้องไปอยู่ฝั่งซ้ายแล้วจะทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า
จริงที่ผมก็รู้สึกว่า เซาธ์เกต ควรเปลี่ยนตัวเร็วกว่านั้น ไม่ใช่รอให้โดนยิงถึงเปลี่ยนแต่การส่งสำรองลงมารวดเดียว 3 คนโดยทั้งสามก็ล้วนมีผลงานน่าประทับใจทั้ง ลุค ชอว์, โคล พาลเมอร์ รวมถึง เอเบเรชี่ เอซี่ ก็ถือว่าเขาอ่านเกมได้ทะลุ
ได้เจอ อลัน เชียเรอร์ หลังเกม ดูจากใบหน้าเราสองคนก็ไม่ต้องบอกนะครับว่ารู้สึกกันยังไง
มันก็ไม่ง่ายอีกที่ต้องถอด แฮร์รี่ เคน ออกตอนต่อเวลาพิเศษไป ถึงจะเจ็บแต่โค้ชบางคนก็อาจยอมปล่อยไปในเมื่อนี่คือตัวยิงจุดโทษเบอร์ต้นๆของทีม
เซาธ์เกตย่อมคิดว่า ไอวาน โทนี่ย์ ที่ลงมาแทนก็ทำได้ เขาเห็นมาแล้วจากที่ทำหน้าที่ให้เบรนท์ฟอร์ด เขาก็ต้องยิ่งใกล้ชิดตอนได้คุมซ้อมด้วยกัน
เหนืออื่นใดมันก็ไม่มีการส่งนักเตะคนไหนแสดงถึงความเชื่อมั่นในลูกทีมเท่า เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ในนาที114ของเกม ก็เดาได้ทันทีว่าเป็นการเปลี่ยนเพื่อมองแล้วว่าต้องชี้ชะตาด้วยการยิงลูกโทษ
ตอนเทรนท์ก้าวไปเป็นคนสุดท้ายก็ทำให้นึกถึงนัดชิงยูโร 2021 ที่เกมนั้น เซาธ์เกต ก็ส่งสำรองลงมาเพื่อการนี้ โชคร้ายคืนนั้นแพะรับบาปได้แก่ เจดอน ซานโช่ กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด
โชคดีที่วันนี้ไม่เหมือนกัน
เทรนท์ ซัดตูมหายจมตาข่าย จากนั้นผู้เล่นกับสตาฟฟ์ทุกคนก็วิ่งกรูเข้าไปดีใจกับ จอร์แดน พิคฟอร์ด ที่ช่วยเซฟจุดโทษลูกแรกจาก มานูเอล อคานจี
พูดถึง พิคฟอร์ด ก็อาจจะด้วยคาแรกเตอร์ของเขาก็ได้ที่ทำให้ไม่ค่อยเป็นที่รักของกองเชียร์ทีมอื่น น่าตลกยิ่งที่ถึงทุกวันนี้ยังมีคนเชื่อว่า อาร่อน แรมส์เดล บ้างหรือใครต่อใครบ้างเหมาะสมตำแหน่งมือ1มากกว่า
นับแต่เฝ้าเสามานายทวารของเอฟเวอร์ตันป้องกันลูกโทษในบอลทัวร์นาเมนต์ไปแล้วถึง 4 จาก 14 ลูก ตัวเลขนี้สูงเป็นเท่าตัวของทุกๆผู้รักษาประตูสิงโตรวมกันนับจากปี 1990-2012
ในเกมลูกหนังมันมีหลายปัจจัยที่จะส่งเสริมให้ประสบความสำเร็จครับ หนึ่งในนั้นก็โชคซึ่งสิ่งนี้ เซาธ์เกต มีอยู่ในตัว เส้นทางที่วางเอาไว้กับคู่แข่งที่ต้องเจอ การที่เขาได้ทำงานกับกลุ่มนักเตะฝีเท้าฉกรรจ์
ต่อประเทศชาติหนึ่งมันมีความแปลก...แปลกที่พวกเขาบ้าบอลหนัก แปลกที่พวกเขามีแพสชั่นตามไปเชียร์ทีมทุกหนแห่ง แปลกที่พวกเขามีลีกที่ถูกยกว่าเบอร์หนึ่งของโลก แปลกที่พวกเขาไม่เคยได้แชมป์รายการใหญ่มา 58 ปีแล้ว
และแปลกที่ต่อให้เข้ารอบรองฯได้สำเร็จอีกครั้งก็ยังมีเสียงวิจารณ์
"Well done, Let's fucking go again"คำแรกที่เซาธ์เกตพูดกับลูกทีมในห้องแต่งตัวที่ดุสเซลดอร์หลังจบเกม
แล้วเจอกันป้ายหน้าที่ดอร์ทมุนด์
จากสิงโตสามตัว
"ไก่ป่า".....