ตัวเต็งที่น่าเบื่ออย่าง อังกฤษ ยังได้ไปต่อพลางทะลุเข้ารอบรองฯแบบทุลักทุเล หลังมีชัยเหนือ สวิตเซอร์แลนด์ จากการดวลจุดโทษ
และนี่คือสิ่งที่กองเชียร์สิงโตคำรามอย่างผมอยากจะบอกถึงผลงานของอังกฤษ
1. นี่คือครั้งที่ 3 เท่านั้นที่ อังกฤษ ชนะจุดโทษในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ต่อจาก...
ชนะ สเปน ใน ยูโร 1996
ชนะ โคลอมเบีย ใน ฟุตบอลโลก 2018
2. แกเร็ธ เซาธ์เกต วางระบบ 'หลังสาม' ตามคาดจริงๆ แถมเล่นกันได้ไฉไลขึ้น ครองบอลบุก และหาจังหวะทำประตูได้มากกว่า แม้จะน่าเบื่อเหมือนเดิมก็ตาม
เหตุเพราะผู้เป็นกุนซือสิงโตคำรามยังคงเน้นความรัดกุม และปลอดภัยไว้ก่อน จึงเล่นช้าๆ เอาแน่นอน แต่ก็มิวายเสียประตูให้คู่แข่งก่อน
3. ก่อนจะเสียประตู อังกฤษ เฉื่อยเกินไปหน่อย ปล่อยให้ สวิสส์ ครองบอลบุกใส่ได้มากขึ้นจนพลาดท่าโดนนำ 1-0 ในนาทีที่ 75
อารมณ์นั้น ผมอุทานในใจว่า 'ชิบหายแล้ว' เพราะเหลือเวลาให้แก้ตัวไม่มาก
4. ว่าแล้วมาดูการปรับหมากของ แกเร็ธ เซาธ์เกต
เอซรี่ คอนซ่า ถูกถอดออก เพื่อให้ ลุค ชอว์ ลงมาเป็นเซ็นเตอร์แบ็คฝั่งซ้าย
ค๊อบบี้ เมนู ถูกเอาออกแล้วส่ง โคล ปราโมทย์ ลงมาเป็นมิดฟิลด์ตัวรุกพลางถอย จู๊ด เบลลิงแฮม ลงมายืนคู่ ดีแคลน ไรซ์
คีแรน ทริปเปียร์ ถูกถอดออก เพื่อให้ เอเบเรชี่ เอเซ่ มาเป็น 'วิงแบ็คขวา' แทน
นอกจากนี้ยังปรับโหมดจากเกมรัดกุมเป็นเดินหน้าบุก
นี่คือการปรับเปลี่ยนแท็คติกตามสถานการณ์
พอเน้นเกมรุกมากขึ้น อังกฤษ สามารถตีเสมอได้ภายในเวลาแค่ 5 นาที - อืมมมมมมม...นะ
5. อย่างไรก็ตาม
หลังตีเสมอได้สำเร็จ และต้องเล่นในช่วงต่อเวลา พลพรรคทรีไลออนส์ก็กลับมาเล่นด้วยความระมัดระวังเหมือนเดิม ไม่กล้าบุกแหลกแบบเต็มระบบจนต้องตัดสินด้วยการดวลเป้า
โชคดีที่ชนะในการเสี่ยงทายเหรียญแล้วเลือกยิงจุดโทษก่อน (ยิงก่อนได้เปรียบ) แถมเลือกเพชฌฆาตเป็นตัวยิงจุดโทษตีนฉมังค์ประจำสโมสรทั้ง โคล พาลเมอร์, บูกาโย่ ซาก้า และอีวาน โทนี่ย์ ขณะที่ จู๊ด เบลลิงแฮม กับ เทรนต์ เอเอ ก็เยือกเย็นและเด็ดขาดอยู่แล้ว
เอาตรงๆ เลิกหวังว่าจะได้รับความบันเทิงจากการเล่นของ อังกฤษ กันได้แล้ว ในเมื่อตัวกุนซือต้องการเน้นผลการแข่งขันเป็นสำคัญ
ฉะนั้น สไตล์การเล่นหรือรูปเกมจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ตัวเองต้องการเป็นพอ
โบนัส แทร็ค: คาดว่าเกมรอบตัดเชือกกับ ฮอลแลนด์ กุนซือขี้ระแวงอย่าง แกเร็ธ เซาธ์เกต จะยึดระบบ 'หลังสาม' โดยวาง 11 ตัวจริงดังนี้