อังกฤษ vs สวิส 18 ครั้งที่ผ่านมาทุกรายการ อังกฤษ ชนะ12 เสมอ 5 สวิสชนะ1 (คัดเลือกบอลโลก1981 สกอร์2-1)
เฉพาะในรายการเมเจอร์ ครั้งที่4
3 ครั้งแรก อังกฤษ ชนะ2-0 (บอลโลก1954) ,
เสมอ 1-1 (ยูโร 1996) , อังกฤษชนะ 3-0 (ยูโร2004)
ส่วนครั้งที่4 ล่าสุด…สวิส ยังชนะอังกฤษในเวลาปกติไม่ได้แถมแพ้จุดโทษอีก
มีอะไรเกิดขึ้นบ้างในเกมนี้
ลองไล่เรียงกันดู
1 ครึ่งแรก สิงโตเอียงขวา
อย่างที่ทราบๆกันมา2-3 วันก่อนหน้านี้ว่า แกเรธ เซาต์เกต จะปรับเล่น 3-5-2 หรือ หลัง3 ซึ่ง ปรากฏว่า ไม่ผิดคาด แค่ตำแหน่งเท่านั้นที่อาจไม่ตรง
บูกาโย ซาก้า ยืนวิงแบ๊กขวา ทริพเพียร์ วิงแบ๊กซ้าย
โดยเซนเตอร์ ฝั่งซ้ายคือ เอสรี คอนซ่า นอกนั้นชุดเดิม โดย จู๊ด เบลลิง แฮม กับ โฟเด้น เหมือนตัวรุกคู่ สนับสนุน เคน
ส่วนสวิสนั้นไม่ปรับระบบ ใช้11 คนแรกชุดเดิม
3-4-3 อาคานยี, แชร์ และ โรดริเกส คุมหลัง ชาก้า-ฟรอยเล่อ คุมกลาง ตัวทำ เอมโบโล, วารกาส และ เอนดอย….วิงแบ๊ก อาบิสเช่อ (ซ้าย) รีเด้อ (ขวา)
ครี่งแรก สิงโต เดินเกมด้านขวา ฝั่งซาก้า เป็นหลัก ซึ่งเกมนี้ นับว่าหาจังหวะโจมตี ได้ดีกว่าเกมก่อนหน้านี้ แต่จังหวะบอลสุดท้าย ไม่ลงล้อค เพราะ เคน เติมบ้างไม่เติมบ้าง อีกทั้งสวิสรัดกุม ลงมาคุมพื้นที่ในกรอบได้ดี
ภาพรวมครี่งแรก
อังกฤษ คุมเกมใส่ทีมที่เพรสบอลได้ดีอย่างสวิส
ซาก้า บทบาทโจมตีริมขวาทำได้ดี
บอลสุดท้ายยังไม่คลิก
สวิส ยังไม่กล้าลุยมาก เน้นเพลย์ เซฟ
สิงโตปรับระบบ 3-4-2-1 ถือว่าเกมการเล่นด้านขวา ดูดีขึ้น วอล์คเกอร์ - เมนู และ ซาก้า ส่วนซ้าย ทริพเพียร์ โจมตีได้ไม่มาก และ คอนซ่า ไม่เติมเกมรุก
จูด และ โฟเด้น ลงต่ำ ห่างเขตโทษสวิสมากไป
คอบบี เมนู โดดเด่นใช้ได้ กล้าเลี้ยงทะลุไลน์ เชื่อมเกมด้านขวาใช้ได้
เคน มีส่วนร่วมน้อย โดนบอล9 ครั้งเอง
จังหวะจบ2 ทีม…มีน้อยและไม่เข้ากรอบเลย
2 ครึ่งหลังสวิสมาก่อน
กลับเป็นสวิส ที่ค่อยๆเดินเกม บุกเข้าหา มากขึ้น ทำได้ดีขึ้นเรื่อยๆ ส่วนอังกฤษ กลับแผ่วและเหมือนเดิม คือไม่กล้าลุยแดนสาม ส่งคืนจนการบุกลดลง สุดท้ายโดนยิงนำง่ายๆ จากการป้องกันผิดพลาดของ 3 เซนเต้อ น.75
เอนดอย ผ่านบอล ลอดขา คอนซ่า ต่อด้วย สโตน แหย่เท้าสกัดบอลผิดเหลี่ยม ถึงเสาสอง วอล์คเก้อ โดน เอมโบโล แหย่เท้าจิ้มเข้าไป1-0
3 เปลี่ยน3 คน ลุค ชอว์ ลง!!!
พอโดนยิง ใน3 นาที เซาธ์เกต เปลี่ยนตัว ชอว์, พาลเมอร์ และ เอเซ ลง ส่วน คอนซา, เมนู, ทริพเพียร์ ออก ชอว์ ยืนเซนเต้อ ฝั่งซ้าย ประสานงาน เอเซ วิงแบ๊กซ้าย จูด ดรอป มายืนกับ ไรส์ ข้างบนคือ พาลเมอร์, โฟเด้น และ เคน….
4 ซาก้า เข้ากรอบครั้งแรกตีเสมอ
น.80 อังกฤษ ยิงเข้ากรอบครั้งแรก จาก ซาก้า เลี้ยงตัดใน แล้วสับไกยิงขนเสาเข้าไป 1-1 นี่คือประตูแรกในนามทีมชาติรอบปี และลูกที่4 ในรายการเมเจ้อ (มากกว่า เบคแฮม3)
ช่วงต่อเวลารูปแบบการเล่นสองทีมก็กลับมาเหมือนตอนยังเสมอกัน ผลัดกันบุก แต่อังกฤษ ได้ยิงให้ ซอมเมอร์ เซฟ ลูกยาก จาก ไรส์ ปัดทิ้งและ จูด ยิงเข้ามือ ฝั่งสวิสมี ชาคีรี เตะมุม ชนคาน และ อัมดูนี ยิงติดเซฟ พิคฟอร์ด
ส่วนเรื่องยิงจุดโทษนั้นการซ้อมยิงของทีมเซาธ์เกต เกิดผล กับตัวยิงตัวสำรอง 3 คน ยิงชัวร์หมดทั้ง พาลเมอร์, โทนี, เทร้นต์ และการแก้ตัวของ บูกาโย ซาก้า ที่ทำได้หลังจากพลาดในนัดชิงยูโร ครั้งที่แล้ว
นั่นรวมทั้ง พิคฟอร์ด ที่ เซฟจุดโทษ4 จาก14 ครั้งในรายการเมเจ้อ มากกว่า ผู้รักษาประตูอังกฤษหลายๆคน
ทั้งปีเตอร์ ชิลตัน, เดวิด ซีแมน หรือเดวิด เจมส์
อ้อ ….ภาพช้าชี้ให้เห็นขวดน้ำของ พิคฟอร์ด มีรายละเอียดการยิงจุดโทษนักเตะสวิส โดยเฉพาะ อาคานยี นั้นยิงขวามือตัวเอง ซึ่งพิคฟอร์ด ต้องพุ่งทางซ้าย
การเข้ารอบรองชนะเลิศ จากการคุมทีมนัดที่100 จะถูกใจไม่ถูกใจในสไตล์ การเล่นของ เซาธ์เกต แต่นี่คือผลงานในการคุมทีมของเขากับทีมชาติอังกฤษ ที่ดีกว่าโค้ชทุกคนนับจากหมดยุค เซอร์ อัล์ฟ แรมซีย์ ชุดแชมป์ฟุตบอลโลก1966
บอลโลก2018 รอบรองชนะเลิศ
ยูโร 2020 รองแชมป์
บอลโลก 2022 รอบ8 ทีม
ยูโร2024 รอบรองชนะเลิศ
ป.ล. ขอจัดตัวรอบรองชนะเลิศให้ เซาธ์เกต
ระบบ 3-4-2-1