ดู ฝรั่งเศส ที่ ดุสเซลดอร์ฟ

ดู ฝรั่งเศส ที่ ดุสเซลดอร์ฟ
ชอบมากถ้าวันไหนมีแม็ตช์ที่ ดุสเซลดอร์ฟ , เพราะเดินทางจาก โคโลญจน์ เฮ้าห์บาห์โฮฟ ไปสถานีใหญ่ของเมืองคู่กัดท้องถิ่น ราวครึ่งชั่วโมงเท่านั้น และรถไฟถี่มาก จะขึ้นรถไฟขบวนท้องถิ่น (RE) ที่ชนชั้นนักข่าวรุปหล่ออย่างเราเดินทางได้ฟรี ในพื้นที่แถวๆ นี้ ซึ่งก็กว้างมากครับ ขึ้นไปถึงดอร์ทมุนด์ หรือ เกลเซ่นเคียเซ่น ได้เลย ..หรือมั่วขึ้นขบวน ไฮสปีด (ICE, รองมา IC) ก็ไม่ต่างกัน ** คนเคารพกฎ ไม่ควรนำนะคะ นะคะ ส่วนเด็กหลังห้องอย่างน้องโจ้นั้น

แต่ล่าสุด,  ไม่ชอบมากนัก กับการนั่งใน ดุสเซลดอร์ฟ อารีน่า ที่โครงสร้างภายนอก เหมือนกับศูนย์ประชุมแห่งชาติอลังการสักแห่ง ชมเกมรอบ 16 ทีม ระหว่าง รองแชมป์โลก ฝรั่งเศส กับ เบลเยี่ยม ที่เลยยุคโกลเด้น เจเนอเรชั่น มานานแล้ว แต่นักข่าวก็ยังจี้ถามอยู่นั่นแหล่ะ ผมเป็น เควิน เดอ บรอยน์ ก็คงสบถเช่นกัน

และนี่คือมุมมองของเรา หลังจากฟื้นคืนชีพ เรียกความสดใสสวนกับอากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝน ในเช้าวันนี้ฮะ ..

1. ไก่จำต้องพึ่งเกมรับ นำเกมรุก แล้วสิหนอ

ตอน ชูลส์ กุนเด้ (25 ปี, บาร์ซ่า) ได้รางวัลแมน ออฟ เดอะ แม็ตช์ นั้น ใครคนนี้ยิ้ม และนึกถึงความล้ำแฟชั่นของแก เวลามีภาพรายงานตัวทีมชาติเผยแพร่ออกมา มักจะไม่เป็นรองใครเลย  เป็นตัวแทนประเทศ “เจ้าแฟชั่น”  ได้เป็นอย่างดี โดยไม่ต้องใช้คำ ซอฟต์ พาวเวอร์ อิอิ

แหม่ ! ก่อนถ่ายภาพ น่าให้เวลาไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ เผื่อเห็นแฟชั่นเก๋ๆ อีกสักครั้ง

เป็นเรื่องแปลกอย่างหนึ่งนะครับ ที่ผ่านไป 4 แม็ตช์ , 360 นาทีของนอร์มอล ไทม์ + เอ๊กซ์ตร้า ไทม์ ครึ่งแรก ครึ่งหลัง  ทีมที่มี อนาคตบัลลังดอร์ ทั้งเป็นดาราในแดนหน้าและสวมปลอกแขนกัปตันทีมในทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นหนแรกอย่าง คิลิยัน เอ็มบั๊ปเป้ ที่ใครต่อใครคาดหวังว่า น่าจะขึ้นมาสืบทอดบัลลังก์ของ ลิโอเนล เมสซี่ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้  จะไม่สามารถยิงประตูแบบ ‘โอเพ่น เพลย์’  (ไม่ใช่ลูกตั้งเตะ ฟรีคิก / เตะมุม / จุดโทษ / คู่แข่งสกัดเข้าประตูตัวเอง)  ได้สักประตูเดียว

คู่แข่งที่เผชิญหน้าด้วย ออสเตรีย, เนเธอร์แลนด์, โปแลนด์ จนมาถึง เบลเยี่ยม  ต่างไม่ใช่ทีมกระจอก แต่ถ้าจะยอมรับความจริง มันมีความต่างกันอยู่

ฝรั่งเศส กับ อังกฤษ  มีปัญหาในการยิงประตูทั้งคู่นะครับ

วันก่อนเพิ่งขำไป อะไรฟ่ะ ทรี ไลอ้อนส์ กว่าจะมี ‘ชอต ออน ทาร์เก็ต’  ครั้งแรกในเกมกับ สโลวาเกีย ก็คือจังหวะนาที 90 +5  ลูกจักรยานอากาศตีเสมอของ จู๊ด เบลลิ่งแฮม เลย

พอมาดูฝรั่งเศส ในวันต่อมา สถิติทางการ (จาก EURO2024.com  ที่ขึ้นจอให้ดูตรงโต๊ะนักข่าว ทันทีเมื่อเพิ่งได้ลูกแฉลบเป็นประตูชัยปลายเกม)  ทีมของ ดิดิเย่ร์ เดส์ชองส์  มีความพยายามเข้าทำ 20 ต่อ 5 ครั้ง  แต่ shot on target บอกแค่ครั้งเดียว  และใครคนนี้ก็ไม่นึกถึงจังหวะไหน นอกจาก การซัดไปเจอคีพเพอร์ปัดของ โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ต้นครึ่งหลัง ก็องเต้ ตั้งให้

(สถิติจากที่อื่น อย่าง บีบีซี อาจจะบอกว่า ฝรั่งเศส ยิงตรงกรอบ 2 ครั้ง นั่นก็ยังไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นนะขอรับ)

แต่ความแข็งในเกมรับนั้น เป็นอะไรที่น่าซ้นใจ น่าสนใจ กุนเด้ เด่นทั้งเกมรับ ที่เผชิญกับ เฌเรมี่ โดกู  ส่วนหนึ่งที่ทำให้ แจ็ค กรีลิช ไม่ได้มาเล่นยูโร ฮ่าๆ !   ก็ไปแย่งตำแหน่งทางกราบซ้ายในฤดูกาลที่ผ่านมาอ่ะครับ  ทว่ายังงัยก็ต้องโทษ แกเร็ธ เซาธ์เกต อ่ะนะ ชอบนักไอ้ประเภทผึ้งงาน คอเนอร์ กัลลาเกอร์  ไม่รู้จักส่งเสริมตัวที่มีคลาสเหมาะกับเกมระดับชาติอย่าง แจ็ค แจ็ค แจ็ค เลี้ยงกินตัว เรียกฟาวล์ได้ *ขอโทษครับ พาดพิงอีกแล้ว อดไม่ได้ ..

โดกู นั้นสร้างปัญหาตอนต้นเกม ด้วยการเรียกใบเหลือง 2 จากสามใบ ที่ฝรั่งเศสได้ใน 24 นาทีแรกนะครับ อ็องตวน กรีซมันน์ สมควรได้จริงๆ  พุ่งตัวใส่ โดกู ที่จ่ายบอลเข้าเขตโทษไปแล้ว เล่นอันตราย ขณะ อาเดรียง ราบิโอต์  ได้มาแบบงงงง ถึงบอลก่อน ดันเจอแอคติ้ง โดกู ที่เข้ามาช้ากว่า   หากก็ได้แค่วูบวาบครับ โดกู ขาดความเฉียบในพื้นที่สุดท้าย และนั่นก็คงต้องหันไปชม กุนเด้ ที่รับมือได้ดีนั่นแหล่ะ เป็นกองหลังฉลาด มีคลาส 

ในเกมรุกนั้น กุนเด้ ก็ขึ้นไปวางบอล ผ่านบอลเข้าพื้นที่อันตรายเรื่อยๆ นะครับ และประตูมีดวง จากลูกยิงแฉลบของตัวสำรอง โคโล มูอานี่ นั้น เขาก็มีส่วนแถวนั้นด้วย ..

ทว่า คุณสามารถชมแนวรับฝรั่งเศส ได้หมดเลย 

บางที ผมก็รู้สึกว่า วิลเลี่ยม ซาลีบา (อาร์เซน่อล) นั้นก็เล่นเด่นไม่แพ้กัน รับมือกับหมากเซอร์ไพรส์ ที่โค้ชหนุ่ม สัญชาติอิตาเลี่ยน - เยอรมัน  โดเมนิโก เตเดสโก เลือกเล่น 4-4-2  ใช้ โลอิส โอเปนด้า (กองหน้าอาร์เบ ไลป์ซิก) มาวิ่งช่วย โรเมลู ลูกากู  ที่นัดนี้ ก็ยังคงเป็น “พี่ตู้” (ตู้เย็นเคลื่อนที่ ไร้ประโยชน์) ได้เฉียบ, ข่ม ลูกากู ตั้งแต่ต้นเกม เมื่อวิ่งไล่แย่งบอลริมเส้นฮะ

นายทวาร ไมค์ เมญอง ให้ความแน่นอน และแม้แต่ เตโอ แอร์กน็องเดซ ที่ใครคนนี้ คาดหวังเฉพาะตอนเติมเกมรุก โชว์สปีด วิ่งมาไล่ปิดโอกาสทองของเบลเยี่ยม ไล่ไม่ให้ ยานนิค คาร์ราสโก้ อีกหนึ่งรายที่เซอร์ไพรส์เป็นตัวจริง ยิงได้ ก่อนฉลองยังกับยิงประตูได้เอง สำคัญครับ สำคัญ ชอตนี้!

2.)ราบิโอต์ แบน อาจจะดีก็ได้!

อย่างน้อย ฝรั่งเศสต้องเปลี่ยน 1 ราย ในวันศุกร์นี้ ที่จะเจอ ปูร์กตูกัล อาเล้ ปูร์กตูกัล อาเล ที่ฮัมบูร์ก  นั่นคือ อาเดรียง ราบิโอต์ ตัวจริงในแผงมิดฟิลด์ 

ไม่ใช่ปัญหาในการหาตัวแทน ถ้ามองชื่อบนม้านั่งสำรอง

ปัญหาคือ มันจะทำให้ทีมคลิกกว่าเดิมมั้ย ?

โดยส่วนตัว แดนกลางแม้ ชูอาเมนี่ จะเด่นกว่า ในเกมเบลเยี่ยม แต่นั่นเพราะ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่เป็นตัวเด่นสุดของฝรั่งเศส ในรอบแบ่งกลุ่ม ไม่ได้เล่นตำแหน่ง “หัวใจแดนกลาง” เหมือนนัดแรก  (กระนั้น ก็องเต้ ก็ผ่านบอลเสียยาก และประตูดับเบลเยี่ยม ก็เป็นคนแอสซิสต์ ให้บอลเร็วกับ มุอานี่ คนที่พลาดจังหวะทองเอ๊กซ์ตร้าไทม์ นัดชิงบอลโลกที่กาตาร์ นะขอรับ)

ไม่รู้ว่าเจอเบลเยี่ยม วางแท็คติกแบบเกรงใจคู่แข่ง หรือระวังไปหรือเปล่านะครับ

การดร็อป อุสมาน เดมเบเล่  ไม่ได้ทำให้การคุกคามในพื้นที่สุดท้ายดีขึ้น อ็องตวน กรีซมันน์ ที่ปกติจะเป็นทีเด็ดยิงประตูในรอบน็อคเอ้าต์ ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ลงมาเล่นหน้าขวา (ถึงแม้คุณจะรู้ว่า เขาสามารถพล่านไปตรงไหนได้ตลอด)  ไม่ได้เล่นอย่างที่ใครต่อใครคาดหวัง

อยากจะเห็นการถือโอกาสปรับหมาก ก็เล่น ชูอาเมนี่ คู่ ก็องเต้ , เอา เดมเบเล่ กลับมาวิ่งกราบขวา แล้ว กรีซมันน์ มูฟเข้าหน้าต่ำฮะ เวิร์คหรือเปล่าไม่รู้ หากต้องเพิ่มตัวรุก

แต่นั่นเป็นหมากในฝันแบบแฟนบอล  โค้ชเค้าอาจคิดอีกอย่าง

ขนาดเจอ เบลเยี่ยม ยังเล่นแบบรอบคอบ เปลี่ยนตัวแก้เกม ยังเปลี่ยนแค่รายเดียว และแทนตำแหน่งเป๊ะๆ  มาร์กกุส ตูราม ที่ยังคงไม่ยิงในยูโร มีจังหวะโหม่งลุ้นบ้าง หากโดยรวมแล้วคือ ‘แย่’ หรือ ‘แย่มาก’  (คุณพ่อนั่งดูบนอัฒจันทร์ ลุ้นเป็นคู่พ่อลูกคู่แรก ที่ได้แชมป์ยูโร นะเว้ยเฮ้ย)

ก็เลยเดาว่า เดส์ชองส์ อาจไม่คิดเปลี่ยนแปลงอะไรมาก กลางแบน ก็เอากลางแทน เอดูอาร์โด้ กามาวิงก้า นั่นงัย ชนชั้นไม่ธรรมดาหรอก อยู่ที่ว่า จะช่วยให้ทีมคลิกขึ้นหรือเปล่า

3.)หรือว่า … ถึงเวลา “ชิรูด์”

มาร์กกุส ตูราม  ไม่อาจผลิตสกอร์ และเล่นแย่มาตลอด นี่ขนาดเซ็นเตอร์เบลเยี่ยม เป็นแค่ แยน แฟร์ตองเก้น (37 ปีแล้ว, ปัจจุบันสังกัด อันเดอร์เลชท์) + เว้าต์ ฟาส (เลสเตอร์ ซิตี้ นิสัยดี เคยถ่ายรูปด้วย)  ยืนคู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ นะ

สมควรหรือยังที่จะ เปลี่ยนหน้าเป้า ฮะ 

คือก็เข้าใจแหล่ะว่า ตามสูตรแล้ว ระหว่างเกมเพื่อนซี้ ตูราม กับ เอ็มบั๊ปเป้ วิ่งสลับกันได้ และ ตูราม จะเป็นตัวต่ำ ลงมาช่วยไล่ ในขณะสตาร์ตัวเอ้ The man in the mask (ใส่หน้ากาก ไม่มีใครชอบหรอก แต่นั่นไม่เกี่ยวกับการยิงโด่ง ยิงวืด) ไม่มีประโยชน์ในเกมรับ ซึ่งเข้าใจได้ , มีนักเตะไม่กี่คนบนโลกใบนี้ ที่สมควรได้เกียรติแบบนั้น

แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ การยิงประตูคู่แข่ง

อาจจะเปลี่ยนตัวถูก มุอานี่ ยิงแฉลบแฟร์ตองเก้น ได้ชัยชนะ แต่กลับไปย้อนดู ก็ไม่ได้ยิงดีเด่อะไรนะครับ ดวงล้วนล้วน

ถ้ามี ชิรูด์ อีกคน ในวัย 37 ปี แล้ว คงไม่ต้องหวังช่วยวิ่งไล่อะไรนัก หากเมื่อคุณมี ชูอาเมนี่ กับ ก็องเต้ คอยปัดเป่าหน้าแผงหลังที่ลงตัวมากๆ  คุณจะกลัวอะไรหล่ะครับ

ผมจะไม่แปลกใจถ้า เดส์ชองส์ จะกลับไปใช้ ดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลเลส์ เบลอส์ (57 ลูก) อีกครั้ง ลองสัก 60 นาที ก็ได้ ไปดวลความเก๋ากับ เปเป้  ที่ปาเข้าไป 41 ขวบแล้ว ดูสิ ..

กับเกมที่ดำเนินไป เดี๋ยวเห็น ชูอาเมนี่  ได้ง้างไกมากกว่าเพื่อน  แบบนี้ ไม่ใช่ น้ำหอมกลิ่นที่เราคุ้นเคยแล้วครับ ..

    ลิตเติ้ลโจ


ที่มาของภาพ : -
BY : ลิตเติ้ลโจ
สุรศักดิ์ มากทวี
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport
X