อินทรีเหล็กโกงตายนาทีบาป! 5 ข้อ เยอรมนี ไล่เจ๊า สวิตเซอร์แลนด์ ส่งท้ายแบ่งกลุ่มยูโร

อินทรีเหล็กโกงตายนาทีบาป! 5 ข้อ เยอรมนี ไล่เจ๊า สวิตเซอร์แลนด์ ส่งท้ายแบ่งกลุ่มยูโร
"เจ้าภาพ" เยอรมนี แสดงให้เห็นถึงหัวจิตหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ง่ายๆแม้จะโชว์ฟอร์มได้ไม่เด็ดขาดเหมือนสองเกมแรกของศึก ยูโร 2024 แถมเสียท่าให้ สวิตเซอร์แลนด์ ก่อนในเกมรอบแบ่งกลุ่มนัดส่งท้ายเมื่อวันอาทิตย์ที่ 23 มิ.ย. แต่สุดท้าย อินทรีเหล็ก ฮึดไล่ตีเสมอได้สำเร็จในช่วงทดเวลาพร้อมรักษาตำแหน่งแชมป์กลุ่มเอาไว้ได้ตามที่ต้องการโดยควงทีมเมืองนาฬิกาเข้ารอบน็อกเอาต์ไปด้วยกัน

1. นาฬิกาปรับสองจุดดร็อป ชากิรี่

สวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งเก็บได้สี่แต้มจากสองเกมปรับโผนักเตะตัวจริงสองรายในเกมทิ้งท้ายรอบแบ่งกลุ่มปะทะกับชาติเจ้าภาพอีกหนึ่งทีมถูกยกให้เต็งแชมป์ของทัวร์นาเมนต์

มูรัต ยาคิน นายใหญ่ทีมเมืองนาฬิกาตัดสินใจจับ เซอร์ดาน ชิกิรี่ นั่งข้างสนามแม้กองกลางทีม ชิคาโก้ ไฟร์ ซึ่งลงเล่นเป็นตัวจริงนัดก่อนจะกดประตูตีเสมอ สกอตแลนด์ 1-1 

นอกจากนี้ รูเบน วาร์กาส กองหน้าทีม เอาส์บวร์ก เป็นอีกรายที่ถูกดร็อปโดยมี บรีล เอ็มโบโล่ กับ ฟาเบียน รีเดอร์  ดาวเตะทีม โมนาโก และ แรนส์ ได้ออกสตาร์ตโดยในรายของ เอ็มโบโล่ ลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกให้แผ่นดินเกิดนับตั้งแต่ศึก เวิลด์คัพ ปี 2022 รอบ 16 ทีมนัดแพ้ โปรตุเกส เมื่อ 565 วันก่อน

สำหรับ ชากิรี่ นับเป็นกำลังสำคัญของ สวิตเซอร์แลนด์ เนื่องจากเขาเป็นรอง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กองหน้าทีมชาติ โปรตุเกส แค่คนเดียวในฐานะนักเตะที่ยิงประตูในสองทัวร์นาเมนต์ใหญ่มากครั้งที่สุดโดยสตาร์วัย 32 ปีคลำเป้ามาแล้วหกรายการนับตั้งแต่ศึก ฟุตบอลโลก ปี 2014 เป็นต้นมา

2. เจ้าภาพใช้ทีมชุดเดิมออกศึก

ยูเลี่ยน นาเกิ้ลส์มันน์ กุนซือทีมชาติ เยอรมนี ส่ง 11 นักเตะตัวจริงชุดเดิมลงสนามต่ออีกเกมหลังจากพวกเขาสยบ ฮังการี ได้ 2-0

อินทรีเหล็ก การันตีการเข้ารอบ 16 ทีมได้อย่างแน่นอนแล้วจากการกำชัยรวดสองนัดโดยเกมเปิดสนามพวกเขาขยี้ สกอตแลนด์ เละเป็นโจ๊ก 5-1 และเกมนี้ชาติเจ้าภาพไม่มีการโรเตชั่นทีมแม้แต่ตำแหน่งเดียวโดยพวกเขาจะรั้งตำแหน่งแชมป์กลุ่มหากไม่แพ้ให้กับ สวิตเซอร์แลนด์

จากการได้เฝ้าเสาต่อทำให้ มานูเอล นอยเออร์ สร้างประวัติศาสตร์ลบสถิติของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน อดีตมือกาวทีมชาติ อิตาลี เป็นนายประตูที่ลงเล่นเกม ยูโร มากที่สุดนัดที่ 18 เทียบเท่ากับ บาสเตียน ชไวสไตน์เกอร์ อดีตกองกลางของประเทศ

นอกจากนี้ หากรวม ฟุตบอลโลก เข้าไปด้วย ขุนพลทีม บาเยิร์น มิวนิค เฝ้าเสาเป็นตัวจริงของสองทัวร์นาเมนต์ใหญ่เป็นเกมที่ 37 และเป็นรองแค่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กัปตันทีมชาติ โปรตุเกส รายเดียว (45นัด)

ขณะเดียวกัน นายทวารวัย 37 ปีติดทีมชาติเป็นเกมที่ 122 รั้งอันดับห้าของชาติตามหลัง โลธาร์ มัทเธอุส 150 นัด , มิโรสลาฟ โคลเซ่ 137 นัด  , ลูคัส โพดอลสกี้ 130 นัด และ โธมัส มุลเลอร์ 130 นัดเช่นกัน

3. เอ็นดอย เปิดบัญชี

อันที่จริง เยอรมนี ซึ่งเริ่มเกมได้ดีกว่าหวิดนำหน้าก่อนตั้งแต่นาทีที่ 17 จากลูกยิงไกลของ โรเบิร์ต อันดิช แต่สุดท้ายถูกวีเออาร์ริบเนื่องจาก จามาล มูเซียล่า ทำฟาวล์ มิเชล แอบิสเชอร์ ก่อน

อย่างไรก็ดี หาก อันดิช ซัดประตูได้ก็จะเป็นอีกครั้งที่รายการนี้มีประตูเกิดขึ้นจากการกระทุ้งหน้าเขตโทษ และจะเป็นสกอร์แรกของมิดฟิลด์ทีม ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น กับทีมเมืองเบียร์ด้วย

กระทั่งนาทีที่ 28 กลายเป็นว่า แดน เอ็นดอย ซัดให้ทีมเมืองนาฬิกานำหน้าก่อนจากโอกาสแรกของทีมสวิสโดยดาวยิงทีม โบโลญญ่า เบิกสกอร์แรกกับทีมชาติได้จากการลงสนามเป็นนัดที่ 14

นอกจากนี้ดาวยิงวัย 23 ปีสร้างชื่อเป็นผู้เล่นอายุน้อยที่สุดอันดับสองของ สวิตเซอร์แลนด์ ด้วยที่เช็กบิลได้ในเกม ยูโร (23 ปี 242 วัน) ต่อจาก โยฮัน ฟอนลันเธน ที่ยิงได้ในเกม ยูโร 2004 นัดฟาดเกือกกับ ฝรั่งเศส (18 ปี 141 วัน)

4. มูเซียล่า ชวดทำสถิติ

หลังสอยตาข่ายได้ทั้งสองเกมแรกของศึก ยูโร 2024 สตาร์วัย 21 ปีก็มีโอกาสสร้างสถิติหากคลำเป้าได้อีกในเกมฉะกับ สวิตเซอร์แลนด์

และอันที่จริง ดาวเตะทีม บาเยิร์น มิวนิค สบจังหวะกระทุ้งอย่างถนัดถนี่ด้วยในช่วงต้นครึ่งหลัง แต่น่าเสียดายที่ ยานน์ ซอมเมอร์ ปัดป้องได้ก่อนที่เขาจะโดนเปลี่ยนตัวในช่วง 15 นาทีสุดท้ายจนทำให้เขาพลาดการทำสถิติ

หาไม่แล้วหากมีประตูในเกมบู๊กับทีมสวิส มูเซียล่า จะเป็นดาวเตะด๊อยทช์คนแรกที่ยิงประตูได้ตลอดสามเกมของศึก ยูโร รอบแบ่งกลุ่ม

ขณะเดียวกัน หากรวม ฟุตบอลโลก เข้าไปด้วย มูเซียล่า จะเป็นนักเตะของประเทศรายแรกที่ยิงประตูได้ตลอดสามเกมแรกของรอบแบ่งกลุ่มต่อจากที่ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ทำได้ในศึก ฟุตบอลโลก ปี 2002

พร้อมกันนี้ ในวัย 21 ปี 118 วัน หาก มูเซียล่า เช็กบิลสวิสได้ เขาจะเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงได้ตลอดสามเกมแรกของรายการใหญ่รองจาก เตโอฟิโล่ คูบิยาส อดีตดาวดังทีมชาติ เปรู ในวัย 21 ปี 94 วัน

5. 86 ปีที่รอคอย

สำหรับ สวิตเซอร์แลนด์ ต้องบอกว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายแทนไม่น้อยที่พลาดท่าโดน นิคลาส ฟืลล์ครุก ตัวสำรองของทีมเจ้าภาพโขกตีเสมอได้ 1-1 ในช่วงทดเวลาซึ่งทำให้พวกเขาชวดหักปีก อินทรีเหล็ก ไปอย่างเฉียดฉิว

แน่นอนว่าการเผชิญหน้ากับ เยอรมนี ในระยะหลัง ทีมเมืองนาฬิกามีสถิติที่ดีโดยหากจะรวมเกมล่าสุดเข้าไปด้วย พวกเขาไม่แพ้ทีมเมืองเบียร์สี่นัดติดต่อกันแล้ว (ชนะ 1 เสมอ 3)

แต่ก็นั่นแหละ มันน่าจะดีกว่านี้ถ้า สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ เยอรมนี 1-0 เพราะหากเป็นอย่างนั้น พวกเขาจะมีชัยเหนือคู่แข่งรายนี้ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 86 ปีของการดวลกันในเกมที่มีความหมาย (ไม่นับรวมเกมอุ่นเกือก)

ที่ต้องบอกอย่างนั้นก็เพราะหนสุดท้ายที่สวิสพิชิตทีมเมืองไส้กรอกได้ในเกมที่มีความหมายต้องย้อนไปถึง ฟุตบอลโลก ปี 1938 โน่นเลยโดยทีมเมืองนาฬิกาปราชัย 4-2 ในเกมรีเพลย์แมตช์ของรอบ 16 ทีม หลังจากพวกเขาเสมอกัน 1-1 ในเวลา 120 นาที

ทั้งนี้ จากสถิติสี่เกมหลังที่ สวิตเซอร์แลนด์ ชนะ เยอรมนี ได้หนึ่งนัดเมื่อเดือนพ.ค.2012 เป็นเกมอุ่นเกือกซึ่งพวกเขาสยบทีมด๊อยทช์ได้ 5-3


ที่มาของภาพ : gettyimages,
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport