อย่างแรกที่สังเกตพบเลยก็เป็นหน้าของ ราล์ฟ รังนิก ดูหนุ่มและมีความสุขมากกว่าสมัยอยู่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
อย่างต่อมาก็เป็นว่าวิธีการเล่นของ ออสเตรีย นั้นน่าสนใน บอลมีสั้นสลับยาว ทุกตำแหน่งรู้จักหน้าที่ตัวเองและก็มีจุดเด่นสำคัญตรงทีมเวิร์ก
นี่คือครั้งแรกที่ผมมานครเบอร์ลิน การเดินทางไกลจากโคโลญจน์ร่วม 5 ชั่วโมงถือว่าคุ้มค่าโดยตอนแรกก็ลังเลอยู่ว่าจะมาดีไหม? หรือเราควรไปดู ฝรั่งเศส กับ ฮอลแลนด์ ที่ชื่อชั้นดีกว่าที่ไลป์ซิกดี? บทสรุปที่ออกมาเราตัดสินใจถูกต้องแล้ว
จากกลางเมืองที่ได้ไปร่วมกับกลุ่มกองเชียร์ ออสเตรีย หลายพันคน ได้คุยกับหนึ่งในนั้นที่กำลังแหกปากร้องเพลงได้ความว่า "เรามารวมตัวกันเพื่อเดินไปยังสนาม เป็นธรรมเนียมของพวกเรา"
ถึงจะไม่เคยมาแต่จากที่หาข้อมูลมาก่อนก็รู้ว่าโอลิมปิค สเตเดี้ยมของ เบอร์ลิน นั้นวางตัวห่างออกไปไกลพอควรเลย
"ใช่ เราต้องเดินกันเป็นชั่วโมงจากตรงนี้..."
ออสเตรีย ครับ ชาติที่ประชากรน้อยกว่ากรุงเทพของเรา พวกเขาอาจพอมีชื่อเสียงอยู่บ้างในเชิงลูกหนังแต่ก็ไม่ได้ถึงขนาดเพื่อนบ้านเยอรมัน ผลงานดีที่สุดเป็นอันดับสามเวิล์ด คัพปี1954 (ยุคนั้นการแข่งขันยังไม่สูง)
ก่อนยูโรเปิดฉากหลายคนยกให้ฮังการีเป็นม้ามืดประจำทัวร์นาเมนต์ ทว่าผ่านมาถึงตรงนี้ดูแล้วม้ามืดตัวจริงอาจเป็นทีมของรังนิก
ไปร่วมขบวนเดินไปสนามกับกองเชียร์ออสเตียม ผมชอบภาพอะไรแบบนี้
พวกเขายังคงมีสตาร์อย่างมาร์โก อาร์เนาโตวิชที่ถึงอายุ 35 แล้วก็ตามยืนค้ำแดนหน้า เช่นกันพอในแดนกลางทื่มี มาร์เซล ซาบิตเซอร์ ที่ค้าแข้งอยู่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ถึงกระนั้นที่เหลืออยู่ รังนิก เลือกจากฟอร์มในปัจจุบันเป็นหลัก
ใครที่ตามออสเตรียบ้างก็คงพอทราบว่าฟอร์มยอดเยี่ยมตั้งแต่อุ่นเครื่องแล้ว ชนะ เยอรมัน กับ อิตาลี มา ในเกมแรกยูโรก็แพ้ให้ฝรั่งเศสหวุดหวิด 0-1
เมื่อเย็นของวันศุกร์กับ โปแลนด์ ที่ครึ่งแรกสกอร์ยัง 1-1 นั้นก็พบการแก้เกมที่ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ได้สามแต้มสำคัญจาก รังนิก เริ่มจากส่งปีกขวา พาทริค วิมเมอร์ ลงไป จากนั้นเอาแบ็กซ้ายธรรมชาติ อเล็กซานเดอร์ พราสส์ ลงอีกคน
เหตุผลเพื่อถ่างเกมรับของ โปแลนด์ ให้ออกมามากที่สุด ในครึ่งแรกนั้นถึงจะเล่นดีกว่าแต่การเจาะเข้าทำไม่ง่ายเพราะเจอการวางเกมป้องกันแน่นตรงบริเวณพื้นที่หน้ากรอบเขตโทษ
ก็แค่ 3 นาทีที่พราสส์ลงไปเท่านั้น ก็เป็นคนโยนให้ คริสตอฟ เบาม์การ์ทเนอร์ ยิงให้ทีมนำ 2-1 ซึ่งนาทีนั้นนักเตะทุกคนก็วิ่งมาฉลองกับรังนิก ตรงริมเส้นข้างสนามอันสะท้อนว่าเขาเป็นที่รักของทีมแค่ไหน อีกนัยยะก็คงมาร่วมดีใจที่การแก้เกมได้ผลทันที
ครั้งแรกที่มาเบอร์ลิน ครั้งแรกที่อยู่ในโอลิมปิค สเตเดี้ยม
เป็นเกมที่ทางฝ่าย โปแลนด์ ต้องยอมรับว่าสู้ไม่ได้ทั้งแท็กติกกับชั้นเชิงส่วนบุคคล ต่อให้ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ จะถูกส่งลงมากลางครึ่งหลังก็ตาม
ใช่ครับ การที่ต้องอยู่ร่วมสายที่มีทั้ง ฝรั่งเศส กับ ฮอลแลนด์ ก็เหมือนโชคชะตาไม่เข้าข้างแล้ว ตอนนี้พวกเขาขออย่างน้อยผลเสมอในเกมสุดท้ายกับอัศวินสีส้มเพื่อเข้ารอบน็อกเอาต์
ม้ามืดของยูโร?
"แน่นอนมันเป็นเรื่องที่ดีที่คุณได้ฟังแบบนั้น พวกเราจำเป็นต้องรักษาโมเมนตัมให้ได้ เราจะเล่นในแบบของเราไม่ว่าเจอใครก็ตาม "รังนิกกล่าวผ่านไมโครโฟนในเพรส คอนเฟอเรนซ์หลังแมตช์
ถึงตรงนี้ก็เข้าใจตรงกันแล้วว่าชายสัญชาติดอยทช์วัย 65 ยังไม่ได้หมดน้ำยาตามที่สื่ออังกฤษเขียน สมัยลากกระเป๋าไปอยู่กับผีแดง เขายังมีฝีมือ มีมันสมองในการทำทีม ตอนนี้เขากลายเป็นขวัญใจของชาวออสเตรียทุกคนไปเรียบร้อย
มันจึงบอกเราได้อีกอย่างว่า...
อะไรคือปัญหาแท้จริงของสโมสรที่ชื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
"ไก่ป่า".....