เต็งหนึ่ง & ขวัญใจมหาชนอย่างทีมชาติอังกฤษ ยังคงโชว์ฟอร์มไม่น่าประทับใจ และไม่สมราคา เมื่อทำได้แค่เสมอทีมโคนม ด้วยสกอร์ 1-1 แบบชวนง่วงนอนยิ่งนัก
1.แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังคงยึดผู้เล่น 11 ตัวจริงเหมือนในเกมแรก
ในช่วง 15 นาทีแรก พวกเขาครองบอลทำเกมเหนือกว่า เดนมาร์ก กระทั่งขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 18 เท่านั้นแหละ
ความเละเทะและสะเปะสะปะก็มาเยือน
2.หลังตกเป็นฝ่ายตามหลัง พวก "เดนิช ไดนาไมต์" ก็ปรับโหมดใหม่เป็นการไล่ล่าอย่างบ้าเลือดพลางเพรสซิ่งเข้าหาบอลเร็วในทุกจังหวะ
เท่านั้นแหละ
นอกจากจะถูกตีเสมอ นักเตะสิงโตคำรามก็ไปไม่เป็นจนกระทั่งจบเกม
3. อืมมมม...เห็น อังกฤษ ชุดเต็งแชมป์ ยูโร 2024 เล่นแล้วก็ถึงบางอ้อเลยว่าทำไม แกเร็ธ เซาธ์เกต ถึงมีข่าวกับ แมนฯ ยูไนเต็ด
ที่แท้ก็เล่นด้วยสไตล์เดียวกันนี่เอง คือไร้รูปแบบพอๆ กับไร้ไอเดีย เกมรุกไม่มีความหลากหลายอะไรเลย แถมนักเตะหลายคนโคตรแอ็กต์นึกว่าตัวเองเหนือชั้นแบบเต็มประดา
พวกเขาต่อบอลทำชิ่งกันไม่เกิน 4-5 จังหวะก็ถูกบีบจนเสียการครองบอล
แล้วดูจังหวะที่เสียประตูนะครับทุกท่าน
แฮร์รี่ เคน ทำสิ่งที่ "ต้องห้าม" แบบไม่สะทกสะท้านด้วยการจ่ายบอลขวางสนามผ่านหน้ากรอบเขตโทษตัวเองซะงั้น
ถ้าไม่แอ็กต์ เขาจะไม่เล่นกันแบบนี้นะครับ ขอโทษ
4.กองเชียร์สิงโตคำรามแบบผมประทับใจในการจัดตัวและเปลี่ยนตัวของกุนซือทีมชาติอังกฤษมากครับ ขอบอก
เอา เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ลงตัวจริงแล้วไม่ค่อยเวิร์คจนต้องถอดออกในช่วงต้นครึ่งหลัง
คอเนอร์ "ลูกรัก" กัลลาเกอร์ ลงมาแทนไม่ถึง 5 นาที ก็โดนใบเหลืองทำให้เล่นยากมากขึ้น แถมไม่ได้สร้างความแตกต่าง และไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นอีกตะหาก
อังกฤษมีปีกซ้ายจรวดทางเรียบอย่าง แอนโธนี่ย์ กอร์ดอน บนม้านั่งสำรอง แต่ดันเอา เอเบเรชี่ เอเซ่ ลงมาดีเลย์เกมมันซะดื้อๆ
กูล่ะเชื่อแมร่งเลย !!!
5.ชะรอยว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต คงไม่ค่อยชอบ 2 ดาวรุ่งอย่าง ค๊อบบี้ เมนู กับ โคล พาลเมอร์ สักเท่าไหร่
ไอ้ที่หนีบไป เยอรมัน ก็เพราะจำต้องทำตามเสียงเรียกร้องของแฟนบอล และสื่อ
เข้าใจว่าคงกลัวโดนด่านั่นแหละเลยต้อง "เพลย์เซฟ" เอาไว้ก่อนตามสไตล์การเล่น "เพลย์เซฟ" ของตัวเอง
ว่าแล้วขอยืนยันคำเดิม
อังกฤษไม่มีทางได้แชมป์จากการทำงานของกุนซือจอมปอดแหกผู้นี้
แม้นจะมีขุมพลังระดับ นาปาล์ม เดธ แต่ในเมื่อใช้ไม่เป็น เช่นเดียวกับปอดแหกเกินไปที่จะใช้
มันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร
บอ.บู๋