โคนม9ชีวิต! สถิติน่าทึ่ง คริสเตียน เอริคเซ่น หลังเล่นให้เดนมาร์กในยูโร2024

อย่าว่าแต่ประเด็นที่เขาจะกลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพได้อีกรึเปล่าเลย ตอนนั้นหลายคนถึงขั้นกังวลด้วยซ้ำว่า คริสเตียน เอริคเซ่น จะตายหรือไม่ รวมถึงเรื่องที่ว่าถ้าฟื้นแล้วจะสามารถกลับมาใช้ชีวิตตามปกติได้รึเปล่า เดชะบุญที่สุดท้ายแล้ว เอริคเซ่น รอดตายมาได้ และกลับมาเล่นฟุตบอลอาชีพได้เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม คริสเตียน เอริคเซ่น ไม่ใช่แค่กลับมาเล่นฟุตบอลได้เฉยๆ เขายังมีช่วงเวลาที่มีความสุขมากพอตัวด้วย อย่างเช่นการได้ย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนได้แชมป์ คาราบาว คัพ และ เอฟเอ คัพ อย่างละ 1 สมัยกับที่นั่น ไปจนถึงการได้โอกาสสัมผัสกับทัวร์นาเมนต์ระดับ ยูโร อีกครั้งในปี 2024

3 ปีหลังจากประสบการณ์เฉียดตายครั้งนั้น หรือคิดเป็นจำนวนวันได้ที่ 1,100 วัน เอริคเซ่น ก็แสดงให้เห็นว่าเขายังมีดีอยู่ หลังจากทำประตูได้ในนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม แถมยังเป็นประตูขึ้นนำให้กับ เดนมาร์ก ด้วย ก่อนที่ทัพ "โคนม" จะเสมอกับ สโลวีเนีย 1-1 ในเกม ยูโร 2024 รอบแบ่งกลุ่ม กลุ่ม บี เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา

ประตูที่ คริสเตียน เอริคเซ่น ทำได้ ส่งผลให้เขากลายเป็นอันดับ 3 ในชาร์ตนักเตะอายุเยอะที่สุดที่ทำประตูในรอบสุดท้ายของรายการใหญ่ๆ ให้กับ เดนมาร์ก ได้ ด้วยวัย 32 ปีกับ 123 วัน เป็นรองเพียง ไมเคิ่ล เลาดรู๊ป ที่เคยทำประตูได้ในศึก ฟุตบอลโลก 1998 ตอนมีอายุ 34 ปีกับ 9 วัน และ ยอน ดาห์ล โทมัสสัน ที่ทำประตูในศึก ฟุตบอลโลก 2010 ด้วยวัย 33 ปีกับ 29 วัน

ใช่แล้ว นั่นหมายความว่า เอริคเซ่น คือนักเตะชาวเดนมาร์กที่อายุเยอะที่สุดที่ทำประตูในศึก ยูโร รอบสุดท้ายได้ด้วย

นอกจากการทำประตูแล้วนั้น ในเกมกับ สโลวีเนีย ดาวเตะจาก  แมนยู ยังสร้างโอกาสทำประตูให้ทีมจากจังหวะลูกนิ่งได้ถึง 7 หนเลยทีเดียว ส่งผลให้เขาเป็นแข้งที่ทำแบบนั้นในศึก ยูโร รอบสุดท้ายต่อการเล่น 1 นัด ได้มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1992 ที่ แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ เคยทำได้กับ สกอตแลนด์ 8 ครั้ง

โดยรวมแล้วในเกมล่าสุด เอริคเซ่น มีส่วนร่วมกับจังหวะลุ้นประตูของ เดนมาร์ก มากถึง 12 ครั้ง แบ่งเป็นการยิงเอง 5 หนกับการสร้างโอกาส 7 ครั้ง ซึ่งนี่ทำให้เขาเป็นกองกลางที่มีส่วนร่วมกับจังหวะลุ้นประตูต่อ 1 เกมในศึก ยูโร รอบสุดท้าย มากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2012 ด้วย หลังจากตอนปี 2012 เมซุต โอซิล ก็เคยมีส่วนร่วมกับประตูถึง 12 หนในตอนพา เยอรมนี เจอกับ กรีซ

หลังจบเกมกับ สโลวีเนีย แล้วนั้น เอริคเซ่น ก็ได้รับเลือกให้เป็น เพลเยอร์ ออฟ เดอะ แมตช์ หรือที่รู้จักกันเดิมในชื่อ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ซึ่งนี่นับเป็นเรื่องราวที่สวยงามสุดๆ และเชื่อว่าหลายคนก็อยากเห็นเขาโชว์ฟอร์มเด่นมากกว่านี้อีกในการแข่ง ยูโร หนนี้

- เด็กเกร็ดบอล -