แม้จะได้รับการอุ้มชูจากบริษัทรับพนันให้เป็นทีมเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ ยูโร 2024 แต่จะว่าไปทีมชาติ อังกฤษ ยังมีจุดบกพร่องที่อาจทำให้พวกเขาไปไม่ถึงดวงดาว
นับเป็นเวลานานถึง 58 ปีแล้วที่ทีม สิงโตคำราม ไม่เคยคว้าแชมป์ทวีปมาเชยชมโดยในทัวร์นาเนมนต์ครั้งก่อนพวกเขาได้เข้าชิงชนะเลิศ แต่พ่ายต่อ อิตาลี ด้วยการดวลลูกโทษตัดสิน
ผ่านมาถึงศึก ยูโร 2024 ที่เยอรมัน ทีมเมืองผู้ดีถูกมองว่ามีโอกาสสมหวังมากกว่าคู่แข่งทุกรายเนื่องจากพวกเขามี แฮร์รี่ เคน ยอดกองหน้าที่พร้อมสอยตาข่ายทุกวินาทีเป็นตัวความหวัง รวมทั้ง จูู๊ด เบลลิ่งแฮม ยอดกองกลางที่กำลังพุ่งขึ้นมาชนิดฉุดไม่อยู่
แต่อย่างที่บอก อังกฤษ ยังเป็น อังกฤษ วันยังค่ำที่มักตกม้าตายบ่อยครั้ง และนี่คือหกเหตุผลที่จะทำให้พวกเขาต้องอกหักในการชิงแชมป์ทวีปที่แดนไส้กรอก
- ขาดแคลนแบ็คซ้าย
แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติ อังกฤษ ยอมรับว่าเป็นเรื่องเสี่ยงที่เขาตัดสินใจใส่ชื่อ ลุค ชอว์ แบ็คซ้ายทีม แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่ในโผเบื้องต้น 33 คนแรก รวมถึงโผ 26 คนสุดท้ายด้วยเหตุผลดาวเตะทีม ผีแดง เป็นกำลังสำคัญของทีม
แต่จากที่เห็น ชอว์ ลงเล่นให้ต้นสังกัดเมื่อซีซั่นที่ผ่านมาแค่ 15 นัดเท่านั้นในทุกรายการเนื่องจากมีปัญหาเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง แถมไม่ได้ลงสนามอีกเลยแม้แต่นาทีเดียวนับตั้งแต่วันที่ 18 ก.พ.
จากความคืบหน้าล่าสุด อังกฤษ ใจชื้นมากขึ้นเป็นกองเนื่องจาก ชอว์ ลงซ้อมกับทีมได้แล้ว แม้จะยังไม่ชัดเจนว่า เซาธ์เกต จะส่งเขาลงเล่นตั้งแต่เกมแรกดวลกับ เซอร์เบีย หรือเปล่าหากมองว่าอาจเสี่ยงเกินไปที่จะด่วนใช้งานสตาร์วัย 28 ปี
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การใส่ชื่อ ชอว์ บินมาที่เมืองเบียร์ด้วยของ อังกฤษ แสดงให้เห็นว่าพวกเขาขาดแคลนทรัพยากรในตำแหน่งแบ็คซ้ายถึงขนาดต้องใช้งาน คีแรน ทริปเปียร์ แบ็คขวาทีม นิวคาสเซิ่ล ลงเล่นแทน ชอว์ ในหลายๆเกม
นอกจาก ทริปเปียร์ แล้ว อังกฤษ อาจต้องพึ่ง โจ โกเมซ หรือไม่ก็ เอซรี่ คอนซ่า ให้รับภาระแบ็คซ้ายขัดตาทัพเช่นกันเนื่องจากทีมเมืองผู้ดีชุดนี้ไม่มีตัวตายตัวแทนที่สมบูรณ์แบบของ ชอว์ เอาซะเลย
- คู่เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่น่าเป็นห่วง
แม้จะถูกมองว่าเป็นเด็กเส้นของ เซาธ์เกต แต่สุดท้าย แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ถูกกาชื่อทิ้งเนื่องจากมีปัญหาทางด้านความฟิต
แน่นอนว่าดาวเตะทีม แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นปราการหลังตัวเลือกอันดับหนึ่งของนายใหญ่ ทรี ไลอ้อนส์ แต่ข้อแตกต่างคือ อังกฤษ ยังมีเซ็นเตอร์ฮาล์ฟให้เลือกใช้สอยหลายราย ไม่เหมือนตำแหน่งแบ็คซ้ายที่ไม่มีใครแทนที่ ชอว์ ได้
อย่างไรก็ดี หลังปราศจากกองหลังวัย 31 ปีที่เจ็บน่อง แผงหลังทีม สิงโตคำราม แลดูน่าเป็นห่วงชอบกลโดยเฉพาะอย่างยิ่งล่าสุด จอห์น สโตนส์ จำเป็นต้องงดซ้อมกระทันหันเนื่องจากป่วย แถมไม่แน่ว่าดาวเตะทีม แมนฯ ซิตี้ จะแพร่เชื้อให้กับพรรคพวกหรือเปล่า
หลังตัดสินใจไม่หนีบ แม็กไกวร์ มาร่วมบู๊ศึก ยูโร 2024 คาดว่า เซาธ์เกต จะใช้งาน มาร์ค เกฮี เป็นตัวหลักแทนแม้พ่อค้าแข้งทีม คริสตัล พาเลซ จะผ่านการติดธงมาแค่ 11 เกมเท่านั้นโดยได้ลงเล่นเป็นตัวจริง 6 เกม
ในกรณีที่ สโตนส์ ซึ่งได้ลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก เจ็ดนัดสุดท้ายแค่ 21 นาทีไม่ฟิตพอที่จะลงบู๊ คู่ขาของ เกฮี อาจได้แก่ ลูอิส ดังค์ , คอนซ่า หรือไม่ก็ โกเมซ ซึ่งมองดูแล้วไม่ชวนให้น่าไว้ใจมากไปกว่าการมี แม็กไกวร์ อยู่ในทีมสักเท่าไหร่
- เคน ไร้ผู้ทดแทน
เซาธ์เกต ให้เหตุผลก่อนเกมอุ่นเกือกนัดแพ้ ไอซ์แลนด์ 1-0 ว่าเลือกส่ง เคน ลงสนามก่อนหน้า ไอแวน โทนีย์ ที่ถูกเปลี่ยนลงเล่นเป็นตัวสำรองแทนกองหน้าทีม บาเยิร์น มิวนิค เพื่อต้องการให้กัปตันคนเก่งพร้อมเต็มถังสำหรับเกมออกสตาร์ตศึก ยูโร 2024 หลังจากอดีตสตาร์ทีม สเปอร์ส มีอาการเจ็บหลังในช่วงท้ายซีซั่น
ก่อนหน้านี้ในเกมอุ่นแข้งนัดพิชิต บอสเนีย 3-0 เคน ได้ลงเล่นเป็นตัวสำรองแทน โอลลี่ วัตกิ้นส์ ช่วงกลางครึ่งหลัง และเขาสอยตาข่ายเม็ดปิดท้ายได้ก่อนหมดเวลาไม่กี่อึดใจ เซาธ์เกต จึงต้องดูแลหัวหอกวัย 30 ปีเป็นอย่างดีชนิดยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเนื่องจากไม่มีใครทดแทนเขาได้ในแง่ของประสิทธิภาพการยิงประตู
แม้ วัตกิ้นส์ จะเป็นหัวหอกที่มีความสามารถรอบด้าน แต่ในเกมระดับชาติ ดาวยิงทีม แอสตัน วิลล่า ไม่มีทางเทียบกับ เคน ได้ทั้งในด้านผลงานหรือว่าประสบการณ์
ฉันใดก็ฉันนั้น ไอแวน โทนีย์ เป็นหนึ่งในกองหน้าชั้นดีของ พรีเมียร์ลีก แต่หลังพ้นโทษแบนยาวแปดเดือนกลับมาลงสนามได้ สตาร์ทีม เบรนท์ฟอร์ด กระซวกตาข่ายในเกม พรีเมียร์ลีก ได้แค่ 4 ประตูเท่านั้น
เพียงเท่านั้นก็เห็นภาพได้ชัดแล้วว่าหาก อังกฤษ ปราศจาก เคน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด มันก็น่าจะเข้าข่ายหายนะได้เลยสำหรับการพยายามคว้าแชมป์ทวีป
- แกนหลักในแดนกลาง
เซาธ์เกต ยอมรับเมื่อเดือนก่อนว่าเขายังไม่แน่ใจว่าจะใช้งานใครเป็นแกนหลักของแผงมิดฟิลด์จากการให้สัมภาษณ์ว่า "ผมกำลังคิดว่า "เดแคลน ไรซ์ จะเล่นกับใคร? หรือใครจะลงเล่นหากเราขาด เดแคลน?
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ไรซ์ คือตัวเลือกเบอร์หนึ่งของ เซาธ์เกต เนื่องจากเขาได้ออกสตาร์ตเป็นประจำตลอดสี่ปีที่ผ่านมา แต่ถัดจากดาวเตะทีม อาร์เซน่อล แล้วทีมเมืองผู้ดีจำเป็นต้องกาชื่อ คาลวิน ฟิลลิปส์ กับ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน สองมิดฟิลด์ที่ เซาธ์เกต โปรดปรานทิ้งเนื่องจากทั้งคู่มีฟอร์มการเล่นที่เลวร้าย
เมื่อเป็นอย่างนี้ นายใหญ่ ทรี ไลอ้อนส์ จึงเลือกใช้งาน เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ให้ลงเล่นในแดนกลางต่างไปจาก เจอร์เก้น คล็อปป์ อดีตผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ที่ยืนยันส่งเขาลงเล่นเป็นแบ็คขวาตามเดิม
นอกจากขุนพลทีม ลิเวอร์พูล แล้ว เซาธ์เกต สามารถเลือกส่ง ค็อบบี้ เมนู , คอเนอร์ กัลลากอร์ หรือว่า อดัม วาร์ตัน ลงไปประสานงานกับ ไรซ์ ได้ แต่เมื่อพิจารณาจากประสบการณ์ในเกมระดับชาติ กองกลางทีม เชลซี มีแววถูกเรียกใช้งานมากกว่าดาวเตะทีม แมนฯ ยูไนเต็ด และ คริสตัล พาเลซ
อย่างไรก็ดี กัลลาเกอร์ เป็นแค่ตัวสำรองที่ไม่ได้ลงเล่นเลยในศึก ฟุตบอลโลก ที่ กาตาร์ มันจึงหมายความว่าเขาไร้ประสบการณ์ในระดับทัวร์นาเมนต์เช่นกัน มองดูแล้วไม่ว่า เซาธ์เกต จะโยนพวงมาลัยเลือกใครลงเล่นคู่กับ ไรซ์ มันก็ชวนให้น่าหนักใจแทนทั้งนั้น
- เบลลิ่งแฮม หรือ โฟเด้น
นับตั้งแต่หมดยุคของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด อังกฤษ ได้ต้อนรับการถือกำเนิดของ ฟิล โฟเด้น และ จู๊ด เบลลิ่งแฮม
หากแต่ปัญหาคือสตาร์ทีม แมนฯ ซิตี้ และ เรอัล มาดริด จะเล่นร่วมกันได้หรือไม่หากถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริงด้วยกันทั้งคู่
ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะ โฟเด้น กับ เบลลิ่งแฮม เล่นอยู่ในตำแหน่งเดียวกันพอดีจนทำให้แฟนบอลและผู้สันทัดกรณีช่วยกันหาทางแก้ไขแนะนำให้ เซาธ์เกต วางระบบ 4-3-3 ให้ ไรซ์ รับภาระอยู่หน้าแผงแบ็คโฟร์ แต่เหมือนกุนซือทีมชาติ อังกฤษ จะมองต่างไปว่าไม่มีทางเป็นไปได้ และจะมีแค่ โฟเด้น หรือ เบลลิ่งแฮม คนใดคนหนึ่งสวมบทหน้าต่ำคอยสนับสนุน เคน อยู่ด้านหลัง
แม้ โฟเด้น จะได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของ พรีเมียร์ลีก และสมาคมนักข่าวฟุตบอลเมื่อซีซั่นที่ผ่านมา แต่ เบลลิ่งแฮม สร้างผลงานสุดฮือฮาด้วยการซิวแชมป์ ลา ลีกา และ แชมเปี้ยนส์ลีก กระทั่งถูกมองว่าเป็นตัวเต็งที่จะได้รางวัล บัลลงดอร์
ฉะนั้นแล้ว หากว่า เซาธ์เกต หาที่ลงให้กับทั้งสองเล่นร่วมกันไม่ได้ มันก็เหมือนเป็นการลดเขี้ยวเล็บของทีม สิงโตคำราม ลงไปอย่างน่าเสียดาย
- เซาธ์เกต ปอดเกินเหตุ
ในแง่ของความนิยมชมชอบ เซาธ์เกต จัดเป็นผู้จัดการทีมที่แฟนบอลอังกฤษพร้อมให้การสนับสนุนหลังจากเขาสร้างผลงานพาทีมผ่านเข้ารอบลึกของฟุตบอลรายการใหญ่มาโดยตลอด
วัดจากสถิติในสนามเป็นหลัก เซาธ์เกต มีผลงานยอดเยี่ยมเป็นอันดับสองในหมู่กุนซือทีม สิงโตคำราม จากการพาทีมเข้ารอบตัดเชือกฟุตบอลโลกปี 2018 และเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรปี 2021 แต่ปัญหาคือเขาถูกมองว่าคุมทีมเล่นแบบเพลย์เซฟมากเกินไป
พูดง่ายๆคือ เซาธ์เกต ไม่กล้าเสี่ยงเป็นเสี่ยงกันนั่นเองทั้งการจัดทัพ 11 ตัวแรก หรือว่าการเปลี่ยนแปลงระหว่างเกมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยูโรครั้งที่ผ่านมาซึ่ง อังกฤษ นำหน้า อิตาลี ตั้งแต่ไก่โห่จากฝีเท้าของ ชอว์ ในนาทีที่ 2 แต่สุดท้ายทีมเมืองผู้ดีก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันจากรูปแบบการเล่นที่ปอดเกินเหตุ
หลังโปรแกรมฟุตบอล ยูโร 2024 คลอดออกมา อังกฤษ ถูกยกให้เป็นเต็งจ๋าก็เพราะเส้นทางของพวกเขาแลดูสุดสดใส และกว่าจะได้เจอกับทีมคู่แข่งในระดับกระดูกขัดมันก็ต้องรอจนถึงรอบรองชนะเลิศ แต่หลายต่อหลายครั้งเท่าที่เห็น ทีมของ เซาธ์เกต มักโชว์ฟอร์มไม่ออกในยามบู๊กับทีมระดับท็อปโดยจาก 25 นัดที่ได้พะบู๊กับ ฝรั่งเศส , เยอรมัน , เบลเยี่ยม , เนเธอร์แลนด์ , โครเอเชีย , อิตาลี และ สเปน ทีมเมืองผู้ดีของเขากำชัยได้แค่ 6 เกมเท่านั้น
เท่าที่ผ่านมา ชาติต้นตำรับของเกมลูกหนังได้แชมป์โลกปี 1966 มาครองแค่ครั้งเดียว ขณะที่ เซาธ์เกต เปรยกับสื่อหมาดๆว่าเขาอาจบอกลาทีม สิงโตคำราม หากไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ทวีปหนนี้ได้เนื่องจากอยู่ในตำแหน่งมานานพอแล้ว มันจึงเป็นเหมือนการเดิมพันหนสุดท้ายของผู้จัดการทีมวัย 53 ปีว่าพร้อมงัดลูกบ้าออกมาใช้เพื่อพาทีมประสบความสำเร็จได้หรือยัง