ก่อนถึง เดนมาร์ก-กรีซ! เช็กโกสโลวาเกีย กับแชมป์ ยูโร แบบพลิกล็อก

ก่อนถึง เดนมาร์ก-กรีซ! เช็กโกสโลวาเกีย กับแชมป์ ยูโร แบบพลิกล็อก
ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่แล้วทีมที่เป็นแชมป์รายการต่างๆ ในวงการฟุตบอลจะเป็นทีมใหญ่ แต่ก็มีบางครั้งที่มันเกิดการพลิกล็อกจนมีม้านอกสายตาได้ชูถ้วยแชมป์ในบั้นปลาย

ในกรณีของศึก ยูโร หากพูดถึงเรื่องทีมที่ได้แชมป์แบบพลิกล็อกนั้นเชื่อได้ว่าหลายคนมักจะนึกถึง กรีซ ชุดปี 2004 กับ เดนมาร์ก ชุดปี 1992 เป็นลำดับแรกๆ เพราะการที่พวกเขาหักด่านขาใหญ่ทั้งหลายได้มันถือว่าน่าประทับใจสุดๆ

อย่างไรก็ตาม ที่จริงก่อนหน้าจะถึง 2 ทีมนั้นเคยมีแชมป์ ยูโร แบบหักปากกาเซียนมาแล้ว เพียงแต่มันเกิดขึ้นตั้งแต่หลายปีก่อนจนหลายคนอาจจะไม่ทันได้ดู นั่นคือ เช็กโกสโลวาเกีย ชุดแชมป์ ยูโร 1976

เท้าความก่อนว่าสมัยนั้นศึก ยูโร รอบสุดท้าย ใช้กฎที่มีทีมเข้าสู่รอบสุดท้ายแค่ 4 ทีมเท่านั้น ซึ่ง เช็คโกสโลวาเกีย ตีตั๋วเข้าสู่รอบสุดท้ายที่ประเทศ ยูโกสลาเวีย เป็นเจ้าภาพได้จากการชนะ สหภาพโซเวียต ด้วยสกอร์รวม 2 นัด 4-2 ในการแข่งรอบ 8 ทีมสุดท้ายของรอบคัดเลือก

นั่นถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ เช็คโกสโลวาเกีย ได้ลงเล่น ยูโร รอบสุดท้าย หลังจากหนแรกนั้นต้องย้อนไปถึงศึก ยูโร 1960 หรือก็คือสมัยแรกที่มีการจัดทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวเลยทีเดียว ดังนั้นมันจึงไม่น่าแปลกใจที่หลายคนจะไม่ได้มองว่าพวกเขาเป็นเต็งจ๋าสำหรับการได้แชมป์ ยูโร 1976

สำหรับทีมที่ถูกมองว่าแข็งแกร่งที่สุดในทัวร์นาเมนต์ดังกล่าวได้แก่ เยอรมัน ตะวันตก เพราะช่วงนั้นพวกเขากำลังท็อปฟอร์มสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นการได้แชมป์ ยูโร 1972 ตามด้วยการได้แชมป์ ฟุตบอลโลก 1974 แถมพวกเขายังมีแข้งเก่งๆ ติดทีมมาหลายราย อย่างเช่น ฟร้านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์, อูลี่ เฮอเนส, ไรเนอร์ บอนฮอฟ และ ดีเตอร์ มุลเลอร์

ทั้งนี้ ในรอบนองชนะเลิศ เช็กโกสโลวาเกีย ต้องเจอกับ เนเธอร์แลนด์ส ที่นำมาโดย โยฮัน ครัฟฟ์ ซึ่งนัดดังกล่าวจบช่วง 90 นาทีด้วยการเสมอกัน 1-1 ก่อนที่ เช็กโกสโลวาเกีย จะมีความฟิตดีกว่าจนได้เพิ่ม 2 ลูกในช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่งผลให้พวกเขาชนะไป 3-1

ในรอบชิงชนะเลิศนั้นทีมที่รอพวกเขาอยู่ก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น เยอรมันตะวันตก นั่นเอง ซึ่งตอนนั้นหลายคนมองว่า เช็กโกสโลวาเกีย เป็นรองหลายขุม แต่ เบ็คเค่นบาวเออร์ ก็เตือนเพื่อนร่วมทีมของเขาว่า เช็กโกสโลวาเกีย เป็นทีมที่แข็งแกร่งกว่า ยูโกสลาเวีย คู่แข่งของพวกเขาในรอบรองชนะเลิศด้วยซ้ำ

พอถึงเวลาลงเล่นแล้วนั้นมันก็เป็นไปตามที่ เบ็คเค่นบาวเออร์ ว่าเอาไว้ เพราะกลายเป็นว่า เช็กโกสโลวาเกีย นำไปก่อนถึง 2-0 จากผลงานของ ยาน สเวห์ลิค ในนาทีที่ 8 กับ คาโรล โดเบียส ในนาทีที่ 25 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นสกอร์ที่หลายคนคาดไม่ถึง

ถึงกระนั้น มุลเลอร์ ก็ทำประตูตีตื้นให้กับ เยอรมนี ได้ในนาทีที่ 28 และตอนแรกเกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยสกอร์ 2-1 ของฝั่ง เช็กโกสโลวาเกีย แล้ว แต่ลูกทีมของ เฮลมุท เชิน ก็โชว์ความตายยากจนตีเสมอเป็น 2-2 ได้จาก แบร์นด์ โฮลเซนไบน์ ในนาทีที่ 89

พอถึงช่วงต่อเวลาพิเศษก็ไม่มีใครทำประตูเพิ่มได้ ทำให้มันเกิดประวัติศาสตร์ทันทีเพราะถือเป็นครั้งแรกที่นัดชิงดำของศึก ยูโร ต้องตัดสินผู้ชนะด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งทั้ง 2 ทีมต่างก็ตกลงกันตั้งแต่ก่อนลงเล่นแล้วว่าจะตัดสินแชมป์ด้วยการดวลเป้า หลังจากในการแข่งครั้งก่อนๆ เคยมีกฎว่าหากมีการเสมอกันในนัดชิงดำแล้วนั้นมันจะต้องลงเล่นนัดรีเพลย์กัน

4 คนแรกของ เช็กโกสโลวาเกีย ต่างก็สังหารไม่พลาด ในทางกลับกัน อูลี่ เฮอเนส ซึ่งเป็นคนที่ 4 ของเยอรมัน ตะวันตก กลับยิงไม่เข้าทั้งที่เพื่อนร่วมทีม 3 คนก่อนหน้าทำงานได้ตามเป้าหมาย ทำให้ เช็กโกสโลวาเกีย จะได้แชมป์ทันทีหากคนสุดท้ายยิงเข้า

เพชฌฆาตคนที่รับหน้าที่สำคัญนั้นของ เช็กโกสโลวาเกีย ได้แก่ อันโตนิน ปาเนนก้า ซึ่งเขาวิ่งเข้ามาราวกับว่าตั้งใจจะยิงแบบเต็มแรง แต่ที่จริงแล้วกลับชิพเข้ากลางประตูแบบเบาๆ โดยที่ เซปป์ ไมเออร์ ผู้รักษาประตู เยอรมัน ตะวันตก ที่ล้มตัวไปทางซ้ายของตัวเองแล้วหมดหวังในการกลับมาเซฟ

ใช่แล้ว นี่แหละคือที่มาของการยิงลูกจุดโทษแบบ ปาเนนก้า ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอย่างในทุกวันนี้ และมันส่งให้ เช็กโกสโลวาเกีย ได้แชมป์ ยูโร หนแรกรวมถึงหนเดียวในประวัติศาสตร์ของพวกเขา โดยในอีก 4 ปีให้หลัง เช็กโกสโลวาเกีย ได้อันดับ 3 ของศึก ยูโร 1980 ก่อนที่ประเทศเช็กโกสโลวาเกียจะสลายตัวตอนสิ้นปี 1992

- เด็กเกร็ดบอล -


ที่มาของภาพ : getty image
BY : เด็กเกร็ดบอล
เด็กเกร็ดบอล
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport