เยอรมนี เตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่เพื่อหวังประสบความสำเร็จในศึกยูโร 2024 บนดินแดนบ้านเกิด โดยทัพ "อินทรีเหล็ก" ขนผู้เล่นฝีเท้าระดับพระกาฬมาร่วมทีมมากมาย อาทิเช่น โทนี่ โครส, จามาล มูเซียล่า, ลีรอย ซาเน่, ฟลอเรียน เวิร์ตซ์ และ ไค ฮาแวร์ตซ์ แน่นอนว่าด้วยศักยภาพของนักเตะและการเป็นเจ้าภาพโอกาสที่พวกเขาจะคว้าแชมป์กลุ่ม เอ มีค่อนข้างสูง ส่วนทีมที่เหลืออย่าง สกอตแลนด์, ฮังการี และ สวิตเซอร์แลนด์ ต้องบอกว่ามีความสูสีกันมากๆ ในการแย่งอันดับ 2 ของกลุ่ม
เยอรมนี
แชมป์ของแชมป์ทัวร์นาเมนต์นี้ 3 สมัย (1972, 1980 และ 1996) มีโอกาสได้รับบทเจ้าภาพ ยูโร ครั้งแรกนับตั้งแต่ที่มีการรวมตัวประเทศ (ครั้งล่าสุดเป็นเจ้าภาพในชื่อเยอรมันตะวันตก เมื่อปี 1988) ทัพ "อินทรีเหล็ก" ภายใต้การกุมบังเหีนของกุนซือพลังหนุ่ม ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ ซึ่งเข้ามาทำหน้าที่แทน ฮันซี่ ฟลิค เมื่อช่วงปลายเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา
แม้ว่าประสบการณ์ของ นาเกิลส์มันน์ ในระดับชาติอาจจะด้อยกว่ากุนซือคนอื่นๆ แต่เรื่องการวางแท็คติก และการผ่านงานคุม บาเยิร์น มิวนิค น่าจะทำให้เขาสามารถนำ เยอรมนี สร้างผลงานดีมีคุณภาพได้เช่นกัน
สำหรับศึกยูโรบนแผ่นดินไส้กรอกถือเป็นโอกาสดีที่พวกเขาจะได้แก้ตัว หลังทำให้แฟนบอลเพื่อนร่วมชาติต้องผิดหวังจากเกมยูโรเมื่อ 4 ปีที่แล้วที่โดน อังกฤษ เขี่ยตกรอบ 16 ทีมสุดท้าย ขณะที่ฟุตบอลโลก 2022 เยอรมนี ต้องเสียชื่อแชมป์โลก 4 สมัยเมื่อตกรอบแรกไปอย่างน่าเจ็บปวด
สตาร์ประจำทีม - โทนี่ โครส
ถือเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นมากๆ สำหรับแฟนบอลทีมชาติเยอรมนี เมื่อ โทนี่ โครส ประกาศหวนกลับมารับใช้ชาติ หลังจากอำลาทีมไปเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แน่นอนว่าการได้ สตาร์วัย 34 ปีมาช่วยชาติคงทำให้แดนกลางของทีมแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม
ประสบการณ์ของ โครส มีประโยชน์อย่างมากในการช่วยประคับประคองพวกผู้เล่นดาวรุ่งในทีม โดยผลงานของเขาในระดับสโมสรอย่าง เรอัล มาดริด ยังคงยอดเยี่ยมเสมอต้นเสมอปลาย ยิ่งในฤดูกาลล่าสุดเจ้าตัวถือเป็นหนึ่งในแข้งคีย์แมนทัพ "ราชันชุดขาว" ในการผงาดคว้าแชมป์ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก
ที่สำคัญทัวร์นาเมนต์นี้จะเป็นการเล่นฟุตบอลครั้งสุดท้ายของ โครส เพราะเขาประกาศแขวนสตั๊ดหลังเสร็จสิ้นภารกิจในยูโร 2024 ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าตัวคงทุ่มสุดตัวเพื่อนำโทรฟี่ "อองรี เดอ โลเนย์" มามอบให้กับแฟนบอลเพื่อนร่วมชาติ และเป็นแชมป์รายการสุดท้ายก่อนปิดฉากชีวิตนักตะอย่างสวยงาม
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 70 เปอร์เซนต์
โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024 ของทีมชาติเยอรมนี
วันศุกร์ที่ 14 มิ.ย. พบ สกอตแลนด์ เวลา 02.00 (ตามเวลาประเทศไทย)
วันพุธที่ 19 มิ.ย. พบ ฮังการี เวลา 23.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันอาทิตย์ที่ 23 มิ.ย. พบ สวิตเซอร์แลนด์ เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
+++++++++++++++++++++++++++
สกอตแลนด์
ทัพ "ตาร์ตัน" มีโอกาสได้สัมผัสศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รอบสุดท้ายเพียงแค่ 3 ครั้งเท่านั้น (1992, 1996 และ 2020) โดยการได้ยกพลบุกดินแดนไส้กรอกถือเป็นครั้งที่ 4 และยังเป็นการผ่านเข้ารอบสุดท้ายติดต่อกันด้วย
แม้ว่าชื่อชั้นของ สกอตแลนด์ อาจจะไม่ค่อยน่ากลัวเท่าไหร่ แถม 3 ครั้งที่ได้ร่วมโม่เกือกรอบสุดท้ายตกรอบแรกหมด แต่ขุนพลของพวกเขาถือว่ามีประสบการณ์ในเกมลูกหนังเยอะมาก เพราะหลายคนค้าแข้งอยู่กับสโมสรชั้นนำทั้งในอังกฤษ และยุโรป
พวกเขาผ่านเข้ารอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ แม้ ลูกทีมของกุนซือสตีฟ คล้าร์ก จะอยู่ในกลุ่มหินพอสมควร มีทั้ง สเปน และ นอร์เวย์ แต่ก็สามารถฝ่าฝันอุปสรรคด้วยการชนะ 5 เสมอ 2 แพ้ 1 เกม คว้าอันดับ 2 กลุ่ม เอ แถมยังชนะทัพ "กระทิงดุ" มาด้วย ดังนั้น ยูโร 2024 สกอตแลนด์ ไม่มีทางยอมเป็นไม้ประดับแน่นอน
สตาร์ประจำทีม - แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน
จะว่าไปแล้ว สกอตแลนด์ ชุดนี้มีนักเตะที่น่าสนใจหลายคน อาทิเช่น สกอตต์ แม็คโทมิเนย์ สตาร์แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, จอห์น แม็คกินน์ มิดฟิลด์แอสตัน วิลล่า และ คีแรน เทียร์นี่ย์ ฟูลแบ็กเรอัล โซเซียดาด แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น โรเบิร์ตสัน
แบ็กซ้ายจอมบุกจากค่ายลิเวอร์พูล ทำหน้าที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติบ้านเกิด โดยถือเป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูงทั้งในระดับประเทศ และสโมสร เขาผ่านการเล่นให้ทัพวิสกี้ไปแล้ว 70 แมตช์ และเป็นกำลังหลักของทีมมาตลอดนับตั้งแต่ปี 2014 จนถึงปัจจุบัน
ผลงานกับ ลิเวอร์พูล ก็โดดเด่นเป็นสง่า โดย "ร็อบโบ้" เป็นหนึ่งในแข้งคีย์แมนทัพ "เดอะ เร้ดส์" ในยุคของกุนซือเจอร์เก้น คล็อปป์ และมีส่วนช่วยสโมสรกวาดแชมป์มากมาย ซึ่งสิ่งนี้ถือว่ามีประโยชน์อย่างมากสำหรับ สกอตแลนด์ ในการฟาดฟันกับชาติต่างๆ ในยูโรครั้งนี้
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 40 เปอร์เซนต์
โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024 ของทีมชาติสกอตแลนด์
วันศุกร์ที่ 14 มิ.ย. พบ เยอรมนี เวลา 02.00 (ตามเวลาประเทศไทย)
วันพุธที่ 19 มิ.ย. พบ สวิตเซอร์แลนด์ เวลา 02.00 (ตามเวลาประเทศไทย)
วันอาทิตย์ที่ 23 มิ.ย. พบ ฮังการี เวลา 02.00 (ตามเวลาประเทศไทย)
+++++++++++++++++++
ฮังการี
ฮังการี เป็นอีกหนึ่งชาติที่น่าจับตามองอย่างมาก ด้วยผลงานในรอบคัดเลือกที่โดดเด่นเหลือเกิน เพราะพวกเขาไม่พ่ายแพ้ให้กับทีมไหนเลย แม้หลายคนอาจจะมองว่าผลงานแบบนี้อาจเป็นเพราะทีมไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่แข็งมากนัก แต่อย่าลืมว่าถ้าหากฟอร์มไม่คงเส้นคงวาคงไม่สามารถทำแบบนี้ได้
ทัพ "แม็กย่าร์" ภายใต้การกุมบังเหียนของ มาร์โก รอสซี่ เฮดโค้ชชาวอิตาเลียน อาจจะถูกมองว่าไม่ได้อันตรายมากนัก เมื่อมองจากผลงานในศึกยูโร 2000 ซึ่งพวกเขาตกรอบแบ่งกลุ่มโดยไม่ชนะชาติใดเลย แต่กับยูโรที่เมืองเบียร์ประวัติศาสตร์ไม่มีทางซ้ำรอยเดิมแน่นอน
ด้วยขุมกำลังที่ส่วนใหญ่แล้วค้าแข้งอยู่ในลีกชั้นนำของทวีปยุโรป น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ ฮังการี ซึ่งเคยทำผลงานได้ดีที่สุดคือการคว้าอันดับ 3 เมื่อปี 1964 เป็นทีมที่อันตรายพอสมควร และการได้อยู่กลุ่มเดียวกับ เยอรมนี ซึ่งเมื่อ 4 ปีที่แล้วพวกเขาก็เคยอยู่ในกลุ่มเดียวกัน ถือเป็นโอกาสดีที่จะได้พิสูจน์ศักยภาพอีกครั้ง
สตาร์ประจำทีม - โดมินิค โซโบซไล
แม้ว่า โซโบซไล จะอายุเพียงแค่ 23 ปีแต่ศักยภาพในการเล่นและความเป็นผู้นำของเขาทำให้ได้รับบทบาทกัปตันทีม โดยนี่คือหนึ่งในผู้เล่นฝีเท้าฉกาจฉกรรจ์ที่ ฮังการี ไม่สามารถขาดได้เลยจริงๆ
"โซโบ" เป็นหนึ่งในแข้งกำลังหลักของ ลิเวอร์พูล นับตั้งแต่ที่ย้ายมาร่วมทัพเมื่อช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา โดยช่วงแรกๆ เขาเป็นหัวใจในแผงมิดฟิลด์ของทีม แม้ฟอร์มอาจจะดร็อปลงไปบ้างแต่ก็สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาได้ในช่วงท้ายซีซั่น
จุดเด่นที่เห็นได้อย่างเด่นชัดของ โซโบซไล ก็คือการผ่านบอลที่แม่นยำ และจังหวะยิงประตูจากระยะไกลที่หนักแน่นทรงพลังรวมทั้งเฉียบคม ที่สำคัญนี่คือหนึ่งในผู้เล่นที่มีพละกำลังเหลือเฟือสามารถวิ่งได้ตลอดทั้งเกม
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 60 เปอร์เซนต์
โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024 ของทีมชาติฮังการี
วันเสาร์ที่ 15 มิ.ย. พบ สวิตเซอร์แลนด์ เวลา 20.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันพุธที่ 19 มิ.ย. พบ เยอรมนี เวลา 23.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันอาทิตย์ที่ 23 มิ.ย. พบ สกอตแลนด์ เวลา 02.00 (ตามเวลาประเทศไทย)
+++++++++++++++++++
สวิตเซอร์แลนด์
เมื่อ 4 ปีที่แล้วทัพ "นาฬิกา" เคยสร้างเซอร์ไพรส์ด้วยการปราบ ฝรั่งเศส ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย และเกือบทำได้อีกครั้งในการปะทะ สเปน แต่น่าเสียดายที่พวกเขาต้องพ่ายแพ้ทัพ "กระทิงดุ" ในการดวลจุดโทษ ทำให้สิ้นสุดเส้นทางอยู่ที่รอบก่อนรองชนะเลิศเท่านั้น
สำหรับครั้งนี้ สวิตเซอร์แลนด์ ทำผลงานได้คงเส้นคงวาในรอบคัดเลือกทำให้พวกเขาสามารถจบในอันดับ 2 คว้าตั๋วเข้ารอบสุดท้ายแบบอัตโนมัติ เป็นครั้งที่ 6 และแน่นอนว่าจากประสบการณ์ในยูโร 2020 คงทำให้พวกเขาแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าเดิม
แกนหลักของ สวิตเซอร์แลนด์ ชุดนี้ค่อนข้างอันตรายพอสมควร เพราะผู้เล่นส่วนใหญ่กระจัดกระจายค้าแข้งในลีกยุโรป โดยเฉพาะในพรีเมียร์ลีก, กัลโช่ เซเรีย อา, บุนเดสลีกา และ ลีก เอิง โดยการอยู่ในกลุ่มเอ ต้องยอมรับว่า เยอรมนี เป็นชาติที่น่ากลัวที่สุด ส่วน สกอตแลนด์ และ ฮังการี ศักยภาพไม่แตกต่างกับพวกเขามากนัก
สตาร์ประจำทีม - กรานิต ชาคา
ขุมกำลังของสวิสชุดนี้ต้องบอกเลยว่ามีผู้เล่นมากประสบการณ์หลายคน แต่คนที่น่าจับตามองเป็นพิเศษก็คือ กรานิต ชาคา ซึ่งถือเป็นศูนย์ร่วมหัวใจของเพื่อนร่วมชาติอย่างแท้จริง โดยเฉพาะประสบการณ์ในการค้าแข้งทั้งในระดับชาติและสโมสรที่บอกได้เลยว่าโชกโชนเหลือเกิน
กัปตันชาคา ผ่านการเล่นให้บ้านเกิดไปแล้ว 124 เกมและตะบัน 14 ประตู ล่าสุดเพิ่งจะมีส่วนสำคัญในการนำ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ด้วยสถิติไร้พ่าย และแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล รวมทั้งนำทัพ "ห้างขายยา" ทะลุชิง ยูฟ่า ยูโรปา ลีก แต่น่าเสียดายที่โดน อตาลันต้า ถล่มยับ
สำหรับปีนี้ถือเป็นปีทองของ ชาคา อย่างแท้จริง แม้เขาอายุ 31 ปีก็ตาม แต่สภาพร่างกายยังฟิตเต็มร้อย และด้วยสไตล์การเล่นที่ดุดันผสมกับประสบการณ์สามารถเป็นที่พึ่งพาของเพื่อนร่วมทีมได้ตลอดเวลา
โอกาสเข้ารอบน็อกเอาต์ - 50 เปอร์เซนต์
โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024 ของทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์
วันเสาร์ที่ 15 มิ.ย. พบ ฮังการี เวลา 20.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)
วันพุธที่ 19 มิ.ย. พบ สกอตแลนด์ เวลา 02.00 (ตามเวลาประเทศไทย)
วันอาทิตย์ที่ 23 มิ.ย. พบ เยอรมนี เวลา 02.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย)