"เอแคลร์"รับตื่นเต้นลุยเอเชียนเกมส์หนแรกแอบหวังหยิบเหรียญ

"เอแคลร์"รับตื่นเต้นลุยเอเชียนเกมส์หนแรกแอบหวังหยิบเหรียญ
ดาวรุ่งฟันดาบไทย "เอแคลร์" ชญานุศภัฒค์ ชินนะเกิดโชค รับตื่นเต้นได้โอกาสลุยเอเชียนเกมส์เป็นครั้งแรก เผยที่ผ่านได้เตรียมความพร้อมซ้อมอย่างหนัก หวังโชว์ศักยภาพของตัวเองให้ดีที่สุด อาจมีลุ้นถึงเหรียญรางวัล

"เอแคลร์" ชญานุศภัฒค์ ชินนะเกิดโชค นักกีฬาฟันดาบดาวรุ่งทีมชาติไทย วัย 18 ปี ออกมาเผยถึงความพร้อม ก่อนลงช่วยทีมฟันดาบไทย ลงทำการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่เมืองหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ว่า เอเชียนเกมส์หางโจว ถือเป็นเอเชียนเกมส์ครั้งแรกของตนเอง ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามีความตื่นเต้นไม่น้อยเหมือนกันที่ติดทีมเดินทางไปร่วมการแข่งขันด้วย 

"ที่ผ่านมาหนูเคยติดทีมชาติไทยไปแข่งขันซีเกมส์มาบ้างแล้ว แต่กับศึกเอเชียนเกมส์นั้น แน่นอนว่ามีความแตกต่างกันออกไป เพราะชาติที่เข้าร่วมเยอะขึ้น แถมเป็นชาติระดับเอเชีย ที่สำคัญคือต้องรอถึง 4 ปี ถึงจะได้โอกาสเข้าแข่งขัน การได้รับเกียรติให้ติดทีมชาติรอบนี้ หนูเองก็ภูมิใจมากๆค่ะ ตั้งใจว่าจะทำหน้าที่ของตัวเอง และโชว์ศักยภาพของตัวเองให้ดีที่สุด" 

ชญานุศภัฒค์ เผยอีกว่า ที่ผ่านมาตนเองซ้อมและเตรียมตัวอย่างหนัก ทั้งเรื่องเทคนิค, ร่างกาย และจิตใจ รวมถึงได้มีโอกาสไปซ้อมที่ประเทศอิตาลี ชาติเบอร์ 1 ของโลกที่ความเชี่ยวชาญในกีฬาฟันดาบ  ซึ่งก็ไปเก็บตัวที่อิตาลีอยู่ราวๆ 2 เดือน บวกกับที่ผ่านมา มีโอกาสได้ไปแข่งขันเก็บคะแนนโลก ก็ถือเป็นการเพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเองได้มากทีเดียว 

"เอเชียนเกมส์ครั้งแรกของหนู หนูจะพยายายามทำให้เต็มที่ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาเสียดายภายหลัง ความตั้งใจของหนูในการไปแข่งขันรอบนี้ ก็อยากจะสร้างประวัติศาสตร์ให้กับประเทศไทยให้ได้ค่ะ ส่วนโปรแข่งขันในประเภทฟอยล์หญิง หนูจะลงแข่งขันทั้งในประเภทบุคคลและทีมค่ะ โดยบุคคลจะลงสนามวันที่ 25 ก.ย.นี้ ส่วนทีมวันที่ 28 ก.ย.นี้ค่ะ" 

สำหรับ "เอแคลร์" ชญานุศภัฒค์ ชินนะเกิดโชค สร้างผลงานจนก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาฟันดาบเบอร์ 1 ของประเทศไทยด้วยวัยเพียงแค่ 15 ปี  โดยเป็นกำลังสำคัญพาทีมฟันดาบไทยคว้าเหรียญทองแดงประเภทดาบฟอยล์ในซีเกมส์ 2019 ที่ฟิลิปปินส์ ก่อนมาคว้าอีก 2 ทองแดงในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่เวียดนาม และได้อีก 1 ทองแดง ในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา รวมถึงยังเคยคว้ารองแชมป์ยุวชนและเยาวชนเอเชีย 2022 ที่อุซเบกิสถานมาแล้ว


ที่มาของภาพ : -
ติดตามช่องทางอื่นๆ:
Website : siamsport.co.th
Facebook : siamsport
Twitter : siamsport_news
Instagram : siamsport_news
Youtube official : siamsport
Line : @siamsport